เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) เผยยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าคาดใน 5M65 ส่งผลทำให้บริษัทปรับเป้ายอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2565 ขึ้นเป็นอย่างน้อย 2.8-2.9 หมื่นล้านบาท (เติบโต 20-25%) และปรับเป้ายอดสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 5.4-5.5 หมื่นล้านบาท (เติบโต 9-11%) ดังนั้น SCBS จึงปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2565 เพิ่มขึ้นสู่ 10% โดยใน 1Q65 ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของ THANI เติบโต 19%YoY และ 46%QoQ สู่ 6.93 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าของบริษัท
ขณะที่ใน 4M65 ยอดขายรถบรรทุกและรถบัสใหม่ภายในประเทศเพิ่มขึ้น 7%YoY ความต้องการรถบรรทุกและรถบัสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวในภาคการนำเข้าและส่งออก ภาคการค้าชายแดน ภาคการพาณิชย์ และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขาดแคลนรถบรรทุกใหม่ (รถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกหัวลาก) ส่งผลทำให้ความต้องการรถบรรทุกมือสองปรับตัวเพิ่มขึ้น
ด้าน Credit Cost คาดมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยอัตราส่วน NPL ที่ลดลง 78 bps สู่ 3% (จากการติดตามหนี้ที่เข้มงวดมากขึ้น) และ Credit Cost ที่ปรับขึ้น 12 bps QoQ ส่งผลทำให้ LLR Coverage ของ THANI เพิ่มขึ้นจาก 80% ณ 4Q64 สู่ 101% ณ 1Q65 สูงกว่าเป้าที่บริษัทวางไว้ในปี 2565 ที่ 85-90% อย่างมาก
ดังนั้น THANI จึงกำลังพิจารณาปรับลดการตั้งสำรอง Management Overly และบริหารจัดการ Credit Cost ของบริษัทให้ต่ำกว่าเป้าเดิมที่วางไว้ที่ 1% ทั้งนี้ SCBS ปรับประมาณการ Credit Cost ปี 2565 และปี 2566 ของ THANI ลดลงเล็กน้อยปีละ 5 bps สู่ 0.95% ในปี 2565 และปี 2566 (ลดลงจาก 1% ใน 1Q65 และ 1.2% ในปี 2564)
สำหรับส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) มีแนวโน้มหดตัวลง ซึ่ง SCBS คาดว่า NIM ของ THANI จะหดตัวลงปีละ 10 bps ในปี 2565 (ผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง) และปี 2566 (ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น) ในปี 2565 คาดว่า NIM จะได้รับแรงกดดันจากผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อที่ลดลงอันเป็นผลมาจากการมีสัดส่วนสินเชื่อ Fleet เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ THANI คาดว่าต้นทุนทางการเงินของบริษัทจะยังอยู่ในระดับทรงตัวจนถึงสิ้นปีนี้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นใน 1Q66 สัดส่วนแหล่งเงินทุนของบริษัทแบ่งเป็นระยะยาว 55% และระยะสั้น 45% โดยทั้งหมดมีอัตราดอกเบี้ยคงที่
นอกจากนี้ ธุรกิจใหม่ของ THANI ที่เพิ่งเปิดตัวบริการสินเชื่อ Floor Plan (สินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์) ใน 1Q65 โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 500 ล้านบาท ในปีนี้ และบริษัทเพิ่งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถในช่วงปลายเดือนเมษายน และคาดว่าจะเปิดให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถในเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 1-2 พันล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ย 15-24% ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อของบริษัท
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น THANI ปรับเพิ่มขึ้น 5.09%MoM สู่ระดับ 4.54 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวขึ้น 0.15%MoM สู่ระดับ 1,654.84 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS คาดว่ากำไร 2Q65 ของ THANI จะฟื้นตัวขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ขณะที่มีปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 2% และ 3% สำหรับปี 2566 เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งกว่าคาด และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีกว่าคาด โดยคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 13% ในปี 2565 โดยอิงกับการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโต 10% NIM จะลดลง และ Credit Cost จะลดลง 25 bps ส่วนกำไรปี 2566 คาดเติบโต 7%
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยสถานการณ์โควิดยืดเยื้อและราคาน้ำมันสูงขึ้นจะกระทบ NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและกดดันให้ตั้งสำรองเพิ่ม
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ซึ่งต้นทุนทางการเงินจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในระยะยาว และ NIM มี Downside ขณะที่ THANI วางแผนเปลี่ยนมาใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ยืมระยะยาวเพิ่มมากขึ้นเพื่อลดผลกระทบในระยะยาว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP