เกิดอะไรขึ้น:
แนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นบวกในปี 2567 แม้ว่าจะมีความท้าทายหลายอย่าง Semiconductor Industry Association (SIA) คาดว่ายอดขายเซมิคอนดักเตอร์จะเติบโตเป็นเลขสองหลักในปี 2567 นอกจากนี้ IDC และ Gartner ก็คาดการณ์ด้วยว่ารายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะเติบโต 17-20% ในปี 2567 สู่ 6.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญคือการฟื้นตัวของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคและอุตสาหกรรม AI ที่กำลังเฟื่องฟู รวมถึงการเข้าสู่วงจรการเปลี่ยนทดแทนด้วยสมาร์ทโฟน AI และพีซี AI ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นของวงจรนี้ใน 2H67
ตลาดรถยนต์ใหม่ทั่วโลกจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจมหภาคจะซบเซา และอัตราการเติบโตของ EV จะชะลอตัวลง แต่ทั้ง S&P Global Mobility และ ING Research คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกจะเติบโต 2.8% และ 2.6% ตามลำดับในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการคาดการณ์ว่ายอดขาย EV ทั่วโลกจะเติบโต 25-30% ในปี 2567 (การคาดการณ์ของ BloombergNEF)
ด้านตลาดสมาร์ทโฟนน่าจะกลับมาเติบโตในปี 2567 Canalys และ IDC คาดการณ์ว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะเติบโต 4%YoY และ 2.8%YoY ในปี 2567 ตามลำดับ โดยได้รับการสนับสนุนจากการนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้กับสมาร์ทโฟน ซึ่งจะนำไปสู่วงจรการอัปเกรดสมาร์ทโฟนใหม่ในปี 2567
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (SETETRON) ปรับลง 14.00%, KCE ปรับลง 3.73%, HANA ปรับลง 16.57% และ DELTA ปรับลง 14.42% ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.35%
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มที่ดีของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก และยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนในปี 2567 InnovestX Research เชื่อว่ากำไรของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นใน 2Q67 และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งใน 2H67 ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญคาดว่าจะเกิดจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากวงจรการเปลี่ยนทดแทนด้วยสมาร์ทโฟน AI และพีซี AI เครื่องใหม่ ประกอบกับยอดขาย EV ที่ปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ การขยายกำลังการผลิตโดยบริษัทต่างๆ เช่น KCE (การใช้เครื่องเจาะเลเซอร์ตัวใหม่), DELTA (การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงงานแห่งที่ 8 ของ DELTA) และ HANA (การติดตั้งอุปกรณ์เครื่องจักรสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ซิลิคอนคาร์ไบด์เพิ่มมากขึ้น) คาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้โมเมนตัมกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 2H67
สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์คือ KCE เนื่องจาก 1. กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่ากำไรสุทธิปี 2567 ของ KCE จะเติบโต 32% สูงกว่าอัตราการเติบโตที่ประเมินได้ที่ 3.4% สำหรับ DELTA และ 11% สำหรับ HANA ค่อนข้างมาก และ 2. Valuation น่าสนใจ โดย Valuation ของ KCE ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับ P/E เฉลี่ย 5 ปีที่ 32.6 เท่า ปัจจุบันหุ้น KCE ซื้อขายที่ P/E ปี 2567 เพียง 21.1 เท่า ซึ่งเท่ากับระดับ -1SD ของ P/E mean
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือการเปลี่ยนแปลงกำลังซื้อของลูกค้า สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนกลับมาปะทุอีกครั้ง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการแรงงาน และซัพพลายเออร์ (S)