เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3Q64 ของ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ซึ่งคาดว่าจะประกาศในวันที่ 28 ตุลาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น PTTEP ปรับตัวขึ้น 11.1%MoM สู่ระดับ 120.50 บาท ขณะที่ SET Index ที่ปรับตัวลง 0.9%MoM สู่ระดับ 1,633,72 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ตุลาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ของ PTTEP ที่ระดับ 9.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35%YoY และ 36%QoQ เนื่องจากมีผลขาดทุนจากสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันน้อยกว่าใน 2Q64 ด้านราคาขายเฉลี่ย (ASP) ปรับตัวดีขึ้น 5%QoQ สู่ 44.4 USD/BOE (เพิ่มขึ้น 15%YoY) เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหลวปรับขึ้น 9%QoQ ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และราคาก๊าซปรับขึ้น 3%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการปรับราคาก๊าซของโครงการซอติก้าในเมียนมา และผู้บริหารคาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อใน 4Q64 เนื่องจากการปรับราคาประจำปีในเดือนตุลาคมที่โครงการอาทิตย์
สำหรับปริมาณการขาย 3Q64 จะลดลง QoQ เพราะปริมาณการขายก๊าซลดลง 9%QoQ (ซึ่งส่วนใหญ่มาจากประเทศไทย) ขณะที่ปริมาณการขายจากสินทรัพย์ใหม่ เช่น โครงการโอมาน 61 และ Sabah-H (มาเลเซีย) อยู่ในระดับทรงตัว QoQ อย่างไรก็ดีผู้บริหาร PTTEP กล่าวว่าปริมาณการขาย ใน 3Q64 อยู่ที่ 414kBOED ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทคาดไว้ที่ 405kBOED
มุมมองระยะยาว:
แนวโน้มปริมาณการขายของ PTTEP จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่รวมถึงพื้นที่ในประเทศยุทธศาสตร์ในอาเซียน ซึ่งบริษัทมีความคุ้นเคย โดย PTTEP มีแผนเร่งสำรวจในปี 2563-2564 โดยจะมุ่งเน้นไปที่ประเทศมาเลเซียและเมียนมา แม้อาจจะทำได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ โดยมีสาเหตุมาจากการระบาดของโควิด โดยพื้นที่ในสองประเทศนี้จะเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนให้ปริมาณการขายของบริษัทเติบโต
นอกจากนี้ PTTEP จะทำการเจาะหลุมเพื่อประเมินผลเพื่อประเมินศักยภาพของโครงการซาราวัก SK410B ในมาเลเซียโดยคาดว่าจะเริ่มผลิตครั้งแรกได้ในปี 2568 สำหรับโครงการในเมียนมา PTTEP กำลังดำเนินการเจาะหลุมประเมินผลในโครงการ M3 เพิ่มเพื่อต่อยอดจากธุรกิจก๊าซไปสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้า (G2P) ในเมียนมา