×

PTT – 4Q66 กำไรสุทธิสูงกว่าคาดจากกำไรพิเศษ

17.02.2024
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 บมจ.ปตท. (PTT) รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.28 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 76%YoY และ 5%QoQ) ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์สูงกว่าคาด กำไรจากการดำเนินงานสุทธิอยู่ที่ 3.32 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%YoY และ 6%QoQ นำโดยธุรกิจ E&P ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซลดลง 9%QoQ เนื่องจากอุปสงค์ชะลอตัวลงตามฤดูกาล ส่วนกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 1.12 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%YoY 

 

ด้านกำไรจากการดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ E&P เพิ่มขึ้น 1%QoQ แต่ลดลง 18%YoY ธุรกิจ E&P เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไรใน 4Q66 โดยคิดเป็น 89% ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมด EBITDA Margin ของธุรกิจ E&P ยังแข็งแกร่งที่ >75% เทียบกับมาร์จิ้นโดยรวมที่อยู่ระดับเพียง 11% ใน 4Q66

 

ปริมาณการขายก๊าซของ PTT ลดลง 8%QoQ (แม้เพิ่มขึ้น 9%YoY) สู่ 4,253mmcfd โดยมีสาเหตุมาจากปริมาณการใช้ก๊าซที่ลดลงของโรงไฟฟ้า (ลดลง 12%QoQ) เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากยอดขายก๊าซให้กับ GSP ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 2%QoQ) เพราะมีการผลิตก๊าซมากขึ้นที่โครงการ G2/61 (บงกช) หลังจากหยุดซ่อมบำรุงใน 3Q66 ในขณะเดียวกันปริมาณการขายที่โรงแยกก๊าซ (GSP) ลดลง 11%QoQ (แม้ทรงตัว YoY) สู่ ~1.6 ล้านตันใน 4Q66 กำไรจากธุรกิจก๊าซอ่อนตัวลง 9%QoQ เพราะมาร์จิ้นของธุรกิจก๊าซลดลง แม้ราคาก๊าซทรงตัวอยู่ที่ 8.75 ดอลลาร์สหรัฐต่อ MMBtu 

 

กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นก็เป็นตัวฉุดรั้งที่สำคัญใน 4Q66 โดยกำไรจากกลุ่มธุรกิจนี้ปรับตัวลดลงสู่แดนลบ ซึ่งเป็นผลมาจาก GRM ที่ลดลง QoQ และขาดทุนสต็อก ซึ่งการขาดทุนสต็อกใน 4Q66 ของกลุ่ม PTT มีจำนวนสูงถึง 1.2 หมื่นล้านบาท หลักๆ เกิดจากธุรกิจการกลั่น (>80%) เทียบกับกำไร 2.0 หมื่นล้านบาท ใน 3Q66 รายการนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลงใน 4Q66 อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจ P&R ก็เป็นแหล่งสร้างกำไรพิเศษที่สำคัญ โดยหลักๆ เป็นกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และกำไรจากตราสารอนุพันธ์สัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

 

ทั้งนี้ แม้ปริมาณการขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันที่ดำเนินการผ่าน OR เพิ่มขึ้น 3%QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากความต้องการเดินทางตามฤดูกาลในประเทศไทย และปริมาณการขายเชื้อเพลิงการบินที่สูงขึ้น แต่กำไรจากการดำเนินงานของธุรกิจนี้ลดลง 84%QoQ สู่จำนวนเพียง 931 ล้านบาท จากฐานสูงใน 3Q66 โดยมีสาเหตุมาจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง 41%QoQ ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายไตรมาสที่ 4.6 พันล้านบาท ใน 9M66 ค่อนข้างมาก

 

กระทบอย่างไร:

 

หลังรายงานผลประกอบการวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ราคาหุ้น PTT ปรับขึ้น 2.16% สู่ระดับ 35.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.18% สู่ระดับ 1,384.84 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการ 2567:

 

ด้วย Market GRM จากธุรกิจ P&R และราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะช่วยสนับสนุนกำไรจากการดำเนินงานใน 1Q67 ปรับตัวดีขึ้น QoQ แต่จะถูกลดทอนโดยการลดราคาก๊าซที่ขายให้กับกลุ่มโรงไฟฟ้า PTT ถูกสั่งให้คืนเงินส่วนเกินรายได้จำนวน 4.3 พันล้านบาท ที่ได้มาจากการที่ผู้ผลิตก๊าซไม่สามารถส่งก๊าซได้ตามสัญญามาช่วยลดภาระต้นทุนเชื้อเพลิงให้กับผู้ผลิตไฟฟ้า ในขณะที่ต้นทุนก๊าซสำหรับโรงแยกก๊าซ (GSP) ของ PTT จะปรับขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับผู้ใช้ก๊าซรายอื่นๆ 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research เชื่อว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำที่ PBV (ปี 2567) ระดับ 0.8 เท่า และ P/E 9.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีที่ 1.3 เท่า และ 14.6 เท่า โดยแนะนำ Outperform สำหรับ PTT ให้ราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี Sum-of-the-Parts ที่ 45 บาทต่อหุ้น อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.8% ก็ดูน่าสนใจ 

 

นอกจากนี้ PTT ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายของปี 2566 ที่อัตรา 1.20 บาทต่อหุ้น (XD: 29 กุมภาพันธ์) ส่งผลทำให้เงินปันผลปี 2566 มีจำนวน 2 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 51%)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์พลังงานและปิโตรเคมีของ PTT ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้มีการขาดทุนสต็อกมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือการด้อยค่าของสินทรัพย์ ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรัฐบาลแทรกแซงธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน 

 

ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising