เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) รายงานกำไรสุทธิ 3 พันล้านบาท ใน 4Q67 ฟื้นตัวแรง QoQ และดีกว่าคาด ส่วนกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 7.7 พันล้านบาท ลดลง 31%YoY โดยมีสาเหตุมาจากส่วนแบ่งกำไรจาก JV และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง รวมถึงกำไรจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility สืบเนื่องมาจากขาดทุนสต็อกและปริมาณการขายที่ลดลงใน 1H67
ปริมาณการขายน้ำมันในกลุ่มธุรกิจ Mobility ของ OR ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.4%YoY และ 9.3%QoQ สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.08 พันล้านลิตรใน 4Q67 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันตามฤดูกาลทั้งในกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มพาณิชย์ กำไรขั้นต้นต่อลิตรเพิ่มขึ้น 63%QoQ มาอยู่ที่ 0.83 บาทต่อลิตร เนื่องจากขาดทุนสต็อกลดลงค่อนข้างมากใน 4Q67
อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นที่ <1 บาทต่อลิตร บ่งชี้ว่าการแข่งขันในตลาดภายในประเทศยังคงรุนแรง PTT ได้ส่วนแบ่งการตลาดกลับคืนมาบ้างใน 4Q67 โดยอยู่ที่ 35.8% จาก 35.1% ใน 1Q67 ซึ่งเป็นช่วงที่ปริมาณการขายได้รับผลกระทบจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับสถานีบริการน้ำมัน PTT
EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับปกติที่ 25.5% ใน 4Q67 หลังจากลดลงมาอยู่ที่ 20.2% ใน 3Q67 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการยุติแฟรนไชส์ Texas Chicken รายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 8.5%YoY และ 7.3%QoQ
โดยได้แรงหนุนจากจำนวนแก้วที่จำหน่ายได้ของร้าน Café Amazon ที่ทำสถิติสูงสุดที่ 103 ล้านแก้วใน 4Q67 จากความต้องการตามฤดูกาลและจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 3%QoQ)
โดยประเมินได้ว่าจำนวนแก้วที่จำหน่ายได้ต่อสาขาเพิ่มขึ้น 1.6%QoQ OR ตั้งสำรองการด้อยค่าเงินลงทุนใน otteri (แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก) จำนวน 343 ล้านบาท เนื่องจากผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น OR ปรับลง 2.56% สู่ 11.40 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 5.20% สู่ 1,283.97 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research คาดว่ากำไรปี 2568 จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากขาดทุนสต็อกที่ลดลงที่กลุ่มธุรกิจ Mobility และการฟื้นตัวของมาร์จิ้นที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle และคาดว่า OR จะมีการลงทุนเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 เพื่อแทนที่ Texas Chicken เนื่องจากงบลงทุนสำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ในปี 2568 เพิ่มขึ้น 84% จากแผนเดิม โดยคาดว่าจะประกาศใน 1H68
สำหรับ 1Q68 คาดว่ากำไรจะอ่อนตัวลง QoQ จากปริมาณการขายของกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่ลดลง แม้ว่าค่าการตลาดจะดีขึ้น นอกจากนี้ปริมาณการขายของ Café Amazon ยังอาจลดลง QoQ หลังจากช่วงไฮซีซันในไตรมาส 4 ขณะที่ EBITDA Margin ของกลุ่มธุรกิจ Lifestyle น่าจะยังอยู่ในช่วงปกติที่ 25-27%
กลยุทธ์การลงทุนยังคงราคาเป้าหมายของ OR ไว้ที่ 16.40 บาทต่อหุ้น อ้างอิง EV/EBITDA ที่ 8.4 เท่า ซึ่งเทียบเท่าส่วนลด 30% จาก EV/EBITDA เฉลี่ย 5 ปีที่ 12 เท่า และคิดเป็น PE (ปี 2568) ที่ 17 เท่า ซึ่งต่ำกว่า PE เฉลี่ย 3 ปี สำหรับปี 2565-2567 ที่ 24 เท่า และ PBV ที่ 1.7 เท่า เทียบกับ PBV เฉลี่ยปี 2565-2567 ที่ 2.2 เท่า
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่น้ำมันของ OR ในขณะที่ความผันผวนของราคาน้ำมันอาจทำให้มีขาดทุนสต็อกมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การแทรกแซงของรัฐบาลในการกำหนดเพดานราคาขายปลีกน้ำมัน (โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล) การแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นซึ่งไม่สามารถส่งผ่านได้
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉 OR – 4Q67 ฟื้นตัว QoQ, ดีกว่าคาด
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/or-update-20250213