เกิดอะไรขึ้น:
หลังจาก Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง 50 bps ในการประชุมเดือนกันยายน ราคาหน่วยทรัสต์ LHHOTEL ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 3.8% Outperform SET อยู่ 3.3% สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปคือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) INVX คาดว่า ธปท. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง 50 bps ในปี 2567 โดยคาดว่าจะปรับลงครั้งแรก 25 bps ในการประชุมเดือนตุลาคม และอีก 25 bps ในการประชุมเดือนธันวาคม
ซึ่งเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีปรับตัวลดลง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ราคาหน่วยทรัสต์ LHHOTEL ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะสั้น เนื่องจาก LHHOTEL จัดเป็นหุ้นปันผล อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงจะทำให้ LHHOTEL ดูน่าสนใจมากขึ้น ในอดีตที่ผ่านมาราคาหน่วยทรัสต์ LHHOTEL ปรับตัวขึ้นได้ดีเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลง
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ InnovestX Research คาดว่า LHHOTEL จะรายงานกำไรปกติ 3Q67 ที่ 428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6%QoQ และ 87.8%YoY กำไรที่เติบโตแข็งแกร่ง YoY จะสะท้อนถึงรายได้จากทรัพย์สินใหม่ 2 โครงการ (โครงการโรงแรม Grande Centre Point Pattaya และโครงการโรงแรม Grande Centre Point Space Pattaya) ที่กองทรัสต์ได้เข้าลงทุนใน 4Q66
ขณะที่กำไรที่เพิ่มขึ้น QoQ จะเกิดจากปัจจัยฤดูกาล จากความต้องการเข้าพักที่ปรับตัวสูงขึ้นจากลูกค้าประเทศฮ่องกง (10% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด) และสิงคโปร์ (5%) เนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียน รายได้ค่าเช่าน่าจะอยู่ที่ 591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9%QoQ และ 88.6%YoY
ทั้งนี้ นับจนถึงปัจจุบัน LHHOTEL ยังไม่เห็นผลกระทบเชิงลบใดๆ จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เนื่องจากโรงแรมทั้งหมดที่กองทรัสต์เข้าลงทุนอยู่ในกลุ่มโรงแรมระดับบน ซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่อนข้างจำกัด
เมื่ออิงกับประมาณการ 3Q67 กำไรปกติ 9M67 น่าจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 93% ของประมาณการกำไรที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และ 86.6% ของประมาณการกำไรของ Consensus ดังนั้นจึงมองว่ามีโอกาสสูงที่ Consensus จะปรับประมาณการกำไรของ LHHOTEL เพิ่มขึ้นหลังจากประกาศผลประกอบการ 3Q67
ด้วยเหตุนี้ InnovestX Research จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 เพิ่มขึ้น 20.3% มาอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 75.1%YoY) หลังจากปรับสมมติฐานอัตราการเข้าพักและอัตราค่าห้องพักเพิ่มขึ้น เพื่อสะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าคาด
นอกจากนี้การปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นยังหนุนให้ปรับประมาณการ DPU ปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 1.16 บาทต่อหน่วยเป็น 1.24 บาทต่อหน่วย และปี 2568 เพิ่มขึ้นจาก 1.19 บาทต่อหน่วยเป็น 1.26 บาทต่อหน่วยด้วย
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหน่วยทรัสต์ LHHOTEL ปรับขึ้น 4.80% อยู่ที่ 13.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.72% อยู่ที่ 1,452.20 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
แม้ราคาหน่วยทรัสต์ LHHOTEL จะปรับตัวขึ้นมาแล้ว 24.8% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ เนื่องจากเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลยังคงน่าสนใจที่ 9.5% ในปี 2567 และ 9.6% ในปี 2568
และทรัพย์สินทั้งหมดของ LHHOTEL มีคุณภาพสูง ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งใน 1H67
โดยมองว่า กำไรยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากหนี้สิน 70% ของกองทรัสต์มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว การปรับอัตราดอกเบี้ยลดลงทุกๆ 25 bps จะช่วยหนุนให้ประมาณการกำไรปี 2568 ปรับเพิ่มขึ้นได้อีก 1.1%
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ LHHOTEL โดยปรับราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DDM ใหม่จาก 15 บาทเป็น 16.5 บาท (WACC 6.5% และไม่มี Terminal Value) LHHOTEL เป็นท็อปปิกในกลุ่ม REITs & IFFs
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)