เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 ที่ 1.12 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1%QoQ, เพิ่มขึ้น 10%YoY) เป็นไปตามคาดการณ์
รายการที่สำคัญ:
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 1%QoQ (เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับ 8% ใน 1Q67 ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา ซึ่งบ่งชี้ถึง NPL ไหลเข้าในระดับทรงตัว) Credit Cost อยู่ในระดับทรงตัว QoQ ที่ 1.24% LLR Coverage อยู่ในระดับทรงตัวที่ 176%
InnovestX Research ยังคงประมาณการ Credit Cost ปี 2567 ไว้ที่ 1.3%
- สินเชื่อลดลง 2.2%QoQ, 0.7%YoY และ 0.6%YTD การเติบโตของสินเชื่อแยกตามกลุ่ม: สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ลดลง 4.0%QoQ, 2.4%YoY และ 4%YTD; สินเชื่อภาครัฐ ลดลง 5.2%QoQ, 4.0%YoY และเพิ่มขึ้น 6.3%YTD; สินเชื่อ SME ลดลง 5.0%QoQ, 8.5%YoY และ 6.7%YTD และสินเชื่อรายย่อย เพิ่มขึ้น 0.8%QoQ, 3.7%YoY และ 0.8%YTD
InnovestX Research ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ลดลงจาก 3% สู่ 1%
- NIM ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 6 bps QoQ โดยเกิดจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 7 bps QoQ (หลักๆ เกิดจากการลงทุน) และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 2 bps QoQ
- Non-NII ลดลง 17%QoQ (เพิ่มขึ้น 14%YoY) โดยเกิดจากรายได้อื่น (หลักๆ เกิดจากรายได้หนี้สูญได้รับคืน) และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและเงินลงทุนที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 5%QoQ (เพิ่มขึ้น 10%YoY)
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ เพิ่มขึ้น 345 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 24 bps YoY) สู่ 38.04% โดยเกิดจากรายได้ที่ลดลงและ OPEX ที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 6%QoQ, ไม่รวมขาดทุนจากการด้อยค่าของ NPA) ขาดทุนจากการด้อยค่าของ NPA ลดลง 58%QoQ
กระทบอย่างไร:
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ราคาหุ้น KTB ปรับขึ้น 3.50% สู่ระดับ 17.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 1.15% สู่ระดับ 1,301.97 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
กำไร 1H67 คิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรเต็มปี InnovestX Research คาดว่ากำไร 2H67 จะลดลง HoH แต่เพิ่มขึ้น YoY และคาดว่ากำไร 3Q67 จะลดลง QoQ (NIM ลดลงจากอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่ไม่แน่นอน และ OPEX ที่สูงขึ้น) และจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY ส่วน 4Q67 คาดว่ากำไรจะลดลง QoQ ตามฤดูกาล (OPEX และ ECL เพิ่มขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น YoY (ECL ลดลง) และคาดว่ากำไรปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 11% โดยเกิดจากสินเชื่อที่เติบโต 1%, NIM ที่ขยายตัว 8 bps, Credit Cost ที่ลดลง 13 bps, Non-NII ที่ฟื้นตัว 7% และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ KTB และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 22 บาทต่อหุ้น (อิงกับ P/BV ปี 2568 ที่ 0.65 เท่า)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ 1. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่ทั่วถึง 2. การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลง เพราะความต้องการสินเชื่อต่ำและการแข่งขันสูง 3. NIM ลดลงจากการลดอัตราดอกเบี้ย และ 4. ความเสี่ยงด้าน ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) และความปลอดภัยทางไซเบอร์