เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research คาดกำไรจากการดำเนินงานของ KCE จะอยู่ที่ 592 ล้านบาทใน 4Q66 เพิ่มขึ้น 25.8%QoQ และ 16.8%YoY แม้ว่าจะเป็นช่วง Low Season ของบริษัท เนื่องจากปริมาณความต้องการที่ฟื้นตัวจากการ Restocking ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ โดยเฉพาะ High Density Interconnect (HDI) ที่มี Backlog ค่อนข้างมาก
ทั้งนี้คาดว่ารายได้จะยังสามารถเพิ่มขึ้นได้ 3-4%QoQ ใน 4Q66 ขณะที่ Gross Margin คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% ใน 4Q66 จาก 22% ใน 3Q66 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบทองแดงและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง จาก Ft งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ที่ลดลง 25 สตางค์ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าลดลงประมาณ 5.6% เหลือ 4.45 บาทต่อหน่วย ส่งผลบวกต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าของ KCE ที่คิดเป็นประมาณ 9% ของต้นทุนรวม รวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ได้ประโยชน์ต่อขนาดเช่นกัน
หากมองไปปี 2567 คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2567 ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเติบโตประมาณ 55.5%YoY ขณะที่รายได้คาดว่าจะเติบโต 6%YoY (ผู้บริหาร KCE ตั้งเป้าเติบโต +/-10%YoY) จากแนวโน้มความต้องการแผงวงจรสำหรับรถยนต์ที่กลับมา ทั้งนี้ KCE ยังเน้นกลยุทธ์ที่จะเพิ่มสินค้า High Margin โดยเฉพาะ HDI ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 25-30%YoY
สำหรับ Gross Margin คาดว่าจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นตามการผลิตที่เพิ่มขึ้น (เพิ่ม Efficiency) และแนวโน้มราคาวัตถุดิบที่ลดลง โดยคาดว่า Gross Margin จะอยู่ที่ 25-27% ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากทั้ง
- Product Mix โดยทาง KCE มองว่ายอดขาย HDI ที่มี Margin สูงขึ้น
- Efficiency ที่เพิ่มขึ้น
- ต้นทุน Raw Material จากซัพพลายเออร์ที่ลดลง นอกจากนี้ค่าไฟฟ้า (สัดส่วนประมาณ 8% ของต้นทุนรวม) ยังมีแนวโน้มลดลง
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KCE ปรับขึ้น 5.85% สู่ระดับ 54.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.22% สู่ระดับ 1,410.43 จุด
ความเห็นและกลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research ยังมองบวกกับ KCE จากผลการดำเนินงานของ KCE ที่ทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องใน 4Q66 จากการขยายกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์ Special Grade PCB (HDI, 30% ของยอดขายรวม) ที่มี Margin สูงมากขึ้น ซึ่ง HDI เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในพวก Brake System ในรถยนต์ EV และผลิตภัณฑ์ Radar/LiDAR เป็นต้น โดยปัจจุบันมีเครื่อง Laser Drill สำหรับใช้กับการผลิต HDI อยู่ 15 เครื่องแล้ว ซึ่งผลิตอยู่ระดับ 50% และกำลังทยอยเพิ่มการผลิตจากดีมานด์ที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้หากพิจารณาราคาหุ้นของคู่แข่งในอุตสาหกรรมอย่าง Chin-Poon Industrial, TTM Technologies, CMK Crop และ Meiko ที่ทำธุรกิจแผงวงจรสำหรับรถยนต์คล้ายกับ KCE นั้น ยังคงเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงภาพรวมอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างบวก กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ Outperform ที่ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 61 บาทต่อหุ้น อิง 29X หรือ 5 ปี PE Mean
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเศรษฐกิจโลก หากถดถอยรุนแรงมากกว่าคาดว่าจะกระทบต่อปริมาณความต้องการแผงวงจร PCB ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบตามราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่าเงินบาทจะกระทบอัตราทำกำไรได้ ทั้งนี้ประเด็นด้าน ESG ที่สำคัญ ได้แก่ การจัดการแรงงาน และซัพพลายเออร์ ซึ่งทางบริษัทฯ สามารถจัดการได้ดี