เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) รายงานกำไรสุทธิ 3.9 พันล้านบาท ใน 4Q67 ต่ำกว่าคาด โดยมีสาเหตุมาจากการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 897 ล้านบาท หากหักรายการพิเศษออก พบว่ากำไรปกติ 4Q67 ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ โดยกำไรปกติ 4Q67 เพิ่มขึ้น 12.9%YoY และ 1%QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มที่ของโรงไฟฟ้า GPD หน่วย 3 (COD: มีนาคม 2567) และหน่วย 4 (COD: ตุลาคม 2567) และ Hin Kong Power (HKP) หน่วย 1 (COD: มีนาคม 2567) นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ SPP ก็เพิ่มขึ้นกว่า 47%YoY หลังต้นทุนก๊าซลดลง
อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH (GULF ถือหุ้น 47.3%) ลดลง YoY เนื่องจากไม่มีรายได้พิเศษเกี่ยวกับการกลับสำรองของ ITV ที่เข้ามาในช่วง 4Q66 แม้ว่าส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC จะดีขึ้น YoY นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ที่สหรัฐฯ ก็ลดลง เนื่องจากราคาขายไฟฟ้าปรับขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าต้นทุนก๊าซธรรมชาติ
เงินปันผลสำหรับงวด 9M67 อยู่ที่ 1.01 บาทต่อหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.8%
แนวโน้ม 1H68 ยังแข็งแกร่ง แนวโน้ม 1H68 คาดว่าจะยังคงได้แรงหนุนจากการเพิ่มกำลังการผลิต IPP ใหม่ เช่น HKP หน่วย 2 (ถือหุ้น 49%, กำลังการผลิต 770MW, COD เดือนมกราคม 2568), โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (+108MW) ที่จะทยอย COD ในปี 2568, Data Center (25MW, COD เดือนเมษายน 2568) และระบบสาธารณูปโภคของ One Bangkok
นอกจากนี้ GULF ยังมีแผนเปิดดำเนินการโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 5 แห่ง (+308MW) และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) 2 แห่ง (+289MW) โดยมีกำหนด COD ใน 4Q68 GULF ตั้งเป้ากำลังการผลิต 16,577MW ในปี 2568 จาก 15,102MW ใน 3Q67
ส่วนการควบรวมกิจการระหว่าง GULF และ INTUCH นั้นยังคงเป็นไปตามกำหนดภายใน 2Q68 ซึ่งคาดว่าจะมีกรอบเวลาที่ชัดเจนขึ้นหลังจากการประชุมสามัญประจำปี ทั้งนี้หลังจากควบรวมกิจการเพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ ผู้บริหารคาดว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 15-20% ในปี 2568
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GULF ปรับลง 2.14% สู่ 57.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 7.13% สู่ 1,270.49 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
ปัจจุบันหุ้น GULF ซื้อขายที่ PE ปี 2568 ระดับ 31.3 เท่า หรือ -1.0 SD ของ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี InnovestX Research ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อความแข็งแกร่งของผลประกอบการในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าของ GULF และคงแนะนำ OUTPERFORM โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 72 บาทต่อหุ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการใหม่ต่ำกว่าคาด แต่ประวัติผลงานที่ดีเยี่ยมของ GULF ในการพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดและเป็นไปตามงบประมาณที่วางไว้จะช่วยลดความเสี่ยงนี้
- ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำของโครงการโรงไฟฟ้า SPP ให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอและต้นทุนเชื้อเพลิงสูง และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพ โดย InnovestX 🚀 คลิกเลย GULF – 4Q67 กำไรปกติแข็งแกร่งตามคาด
https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/gulf-update-20250211