เกิดอะไรขึ้น:
เย็นวานนี้ (4 พฤศจิกายน) บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) รายงานกำไรสุทธิที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 188%YoY และเพิ่มขึ้น 36%QoQ ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท
โดยกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่น หลักๆ มาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (GPSC ถือหุ้นอยู่ 25%) สู่ระดับ 446 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนเนื่องจากปัญหาภัยแล้งใน 1H63 ซึ่งส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า ทั้ง YoY และ QoQ สู่ระดับ 638 ล้านบาท นอกจากนี้ GPSC ยังได้เงินปันผลรับจากราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด (RPCL) จำนวน 270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 177 ในไตรมาส 3 ปี 2563
ขณะที่ปริมาณการขายไฟฟ้าจากธุรกิจ IPP ลดลง 16%YoY และ 12%QoQ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เรียกรับไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าเก่าและโรงไฟฟ้าศรีราชาลดลง เนื่องจากความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง และส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากธุรกิจ IPP ลดลง 26%YoY และลดลง 16%QoQ
สำหรับธุรกิจ SPP มีรายได้ลดลงเล็กน้อย 6%QoQ และกำไรขั้นต้นลดลง 2%QoQ เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิคในโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน เฟสที่ 5 แต่บริษัทสามารถแก้ไขปัญหาอุปทานที่หยุดชะงักลงได้ด้วยการเปลี่ยนไปจ่ายไฟฟ้าจากโรงงานอื่นๆ ซึ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นจากการซ่อมแซมโรงไฟฟ้าดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ดี GPSC ยังได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาก๊าซและถ่านหินที่ลดลง ซึ่งมากพอที่จะชดเชยต้นทุนดำเนินงานดังกล่าวที่สูงขึ้นได้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมในไตรมาส 3 ปี 2563 เพิ่มขึ้น 40 Bps QoQ และเพิ่มขึ้น 250 Bps YoY สู่ระดับ 20.1%
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (6 พฤศจิกายน) ราคาหุ้น GPSC ปรับตัวขึ้น 6.25%DoD สู่ระดับ 63.75 บาท สวนทาง SET Index ที่ปรับตัวลง 4.59 จุด หรือลดลง 0.36%DoD สู่ระดับ 1,259.73 จุด (ข้อมูล ณ 12.30 น.)
มุมมองระยะสั้น:
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการ 4Q63 SCBS คาดว่าจะชะลอตัว QoQ สู่ระดับ 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ซึ่งทำให้กระแสน้ำไหลเข้าโรงไฟฟ้าฯ น้อยลง ส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาส 4 ปี 2563 มีแนวโน้มลดลง QoQ แต่ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ SPP และ VSPP จะปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2564 SCBS คาดว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2563 เนื่องจากมีการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD ปีนี้ รวมถึงยังมีแผน COD โรงไฟฟ้าแห่งใหม่
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อแนวโน้มผลประกอบการคือ ยอดขายไฟฟ้าและไอน้ำของธุรกิจ SPP ที่ขายให้แก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากทิศทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความเสี่ยงของผลการดำเนินงานจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%YoY คือ % การเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาเดียวกับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
%QoQ คือ% การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า