เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q65 ของบริษัทกลุ่มเงินทุน ภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 6 บริษัท ได้แก่ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS), บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC), บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC), บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR), บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) และ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มเงินทุน (SETFIN) ปรับตัวลดลง 1.06%MoM โดย
ราคาหุ้น AEONTS ปรับลดลง 6.1%MoM อยู่ที่ระดับ 191.50 บาท
ราคาหุ้น KTC ปรับลดลง 6.4%MoM อยู่ที่ระดับ 58.75 บาท
ราคาหุ้น MTC ปรับลดลง 5.7%MoM อยู่ที่ระดับ 50.00 บาท
ราคาหุ้น TIDLOR ปรับลดลง 5.7%MoM อยู่ที่ระดับ 37.25 บาท
ราคาหุ้น SAWAD ปรับลดลง 7.3%MoM อยู่ที่ระดับ 54.00 บาท
ราคาหุ้น THANI ปรับลดลง 0.5%MoM อยู่ที่ระดับ 4.20 บาท
พรีวิวผลประกอบการ 1Q65:
SCBS คาดการณ์ผลประกอบการ 1Q65 ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ภายใต้การวิเคราะห์จะรายงานกำไรเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY ซึ่งโดยรวมจะสะท้อนถึงการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น NIM ในระดับทรงตัว และการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น สำหรับข้อสรุปการคาดการณ์ผลประกอบการของหุ้นรายตัวมีดังนี้
AEONTS: คาดรายงานกำไร 4QFY64 (ธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565) จะฟื้นตัว 23%QoQ สะท้อนการตั้งสำรองลดลง และเป็นช่วงที่มีการปล่อยสินเชื่อและการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสูง รวมถึงได้ประโยชน์จากโครงการช้อปดีมีคืน (สามารถลดหย่อนภาษีได้) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2565 แต่จะลดลง 15%YoY จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมทวงถามหนี้ลดลง
KTC: คาดรายงานกำไรสุทธิ 1Q65 จะเพิ่มขึ้น 29%QoQ (ตั้งสำรองลดลง) แต่จะลดลง 1%YoY สู่ 1.6 พันล้านบาท โดยคาดว่า Credit Cost จะลดลงอย่างมาก QoQ เพราะไม่มีการตั้งสำรองที่เกิดขึ้นครั้งเดียวจำนวน 539 ล้านบาท สำหรับ KTBL เหมือนใน 4Q64 เกิดขึ้นอีก ด้านการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมาก YoY สนับสนุนจากโครงการช้อปดีมีคืน ส่วนสินเชื่อจะเติบโตเล็กน้อย YoY และ NIM จะลดลงเล็กน้อย QoQ เพราะปัจจัยฤดูกาล
MTC: คาดรายงานกำไร 1Q65 เพิ่มขึ้น 8%QoQ แต่ลดลง 13%YoY สู่ 1.2 พันล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ > 30%YoY จากการเน้นปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ถูกฉุดรั้งโดยสถานการณ์ขาดแคลนอุปทานสืบเนื่องมาจากปัญหาด้าน QC, NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ, Credit Cost จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY สู่ 1.45% เพื่อรองรับ NPL ที่เพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถจัดการได้และการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ OPEX จะอ่อนตัวลง QoQ ตามฤดูกาล (ไม่มีค่าใช้จ่ายโบนัส) แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY โดยมีสาเหตุมาจากการขยายสาขาเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง (เพิ่มขึ้น 362 สาขาใน 1Q65)
TIDLOR: คาดรายงานกำไร 1Q65 เพิ่มขึ้น 13%QoQ และ 15%YoY สู่ 902 ล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 20%YoY ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดตัวบัตรกดเงินสดหมุนเวียนสำหรับสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ด้วยแคมเปญอัตราดอกเบี้ย 17% ในเดือนมีนาคม ขณะที่ NIM คาดจะลดลงเล็กน้อย QoQ ตามฤดูกาล รายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยน่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง > 25%YoY ส่วน Credit Cost และ NPL จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้คาดว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 60%
SAWAD: คาดรายงานกำไร 1Q65 อยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่ลดลง 17%YoY (ไม่มีการโอนกลับสำรอง) สู่ 1.14 พันล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อจะกลับมามีอัตราการเติบโตเป็นบวกที่ 10%YoY โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ขณะที่คาดว่า NIM จะลดลงเล็กน้อย QoQ และคาดว่า SAWAD จะกลับมาตั้งสำรองใน 1Q65 (แต่จะมีจำนวนเล็กน้อย) หลังจากโอนกลับสำรองติดต่อกัน 4 ไตรมาส
THANI: คาดรายงานกำไร 1Q65 ลดลง 4%QoQ (รายได้อื่นลดลง และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น) แต่จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2%YoY โดยคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นสู่ 3% ขณะที่ NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ส่วนการตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้น QoQ เพื่อเพิ่ม LLR Coverage และคาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถจัดการได้
สำหรับ Valuation ของหุ้นกลุ่มเงินทุนดังกล่าว ส่วนใหญ่ในตอนนี้ดูแพงน้อยลงและสมเหตุสมผลมากขึ้นหลังจากราคาหุ้นปรับตัว Underperform ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดย SCBS เลือก MTC เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP