เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 2Q65 ของบริษัทกลุ่มเงินทุน ภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC), บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC), บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR), บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) และ บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มเงินทุน (SETFIN) ปรับตัวลดลง 6.2%MoM โดย
ราคาหุ้น KTC ปรับลดลง 6.5%MoM อยู่ที่ระดับ 53.75 บาท
ราคาหุ้น MTC ปรับเพิ่มขึ้น 2.3%MoM สู่ระดับ 44.25 บาท
ราคาหุ้น TIDLOR ปรับลดลง 10.7%MoM อยู่ที่ระดับ 27.00 บาท
ราคาหุ้น SAWAD ปรับลดลง 0.5%MoM อยู่ที่ระดับ 48.25 บาท
ราคาหุ้น THANI ปรับลดลง 5.8%MoM อยู่ที่ระดับ 3.88 บาท
พรีวิวผลประกอบการ 2Q65:
SCBS คาดว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคภายใต้การวิเคราะห์ จะรายงานผลประกอบการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ และเพิ่มขึ้นค่อนข้างดี YoY ซึ่งโดยรวมจะสะท้อนถึงการเติบโตของสินเชื่อที่ดีขึ้น NIM ในระดับทรงตัว และการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
สำหรับบทสรุปพรีวิวผลประกอบการ 2Q65 ของบริษัทกลุ่มเงินทุน มีดังนี้
KTC: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 จะขยับขึ้น 1%QoQ และเพิ่มขึ้น 5%YoY สู่ 1.77 พันล้านบาท โดยคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้น QoQ เพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อตามหลักความระมัดระวัง และคาดว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะยังอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ ตามฤดูกาล
ส่วน NIM คาดจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ จากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสินเชื่อมามีสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ให้ผลตอบแทนสูงเพิ่มมากขึ้น
MTC: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 จะเพิ่มขึ้น 3%QoQ และ 11%YoY สู่ 1.41 พันล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่า 30%YoY โดย MTC จะเน้นปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน (สินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์) และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งคาดว่า NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ เนื่องจากสัดส่วนสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และสินเชื่อเช่าซื้อที่สูงขึ้นน่าจะช่วยพยุงผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อ และคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY สู่ 1% (สอดคล้องกับเป้าหมายปี 2565 ที่ 1%) เพื่อรองรับ NPL ที่เพิ่มขึ้นในระดับที่สามารถจัดการได้ และการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่ง
TIDLOR: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 จะเพิ่มขึ้น 2%QoQ และ 24%YoY สู่ 960 ล้านบาท โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่า 20%YoY (เทียบกับเป้าหมายปี 2565 ที่ 20-25%) โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดตัวบัตรกดเงินสดหมุนเวียน สำหรับสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ด้วยแคมเปญอัตราดอกเบี้ย 17% ในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
ขณะที่คาดว่า NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ รายได้จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยคาดว่าจะยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากกว่า 25% และคาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้น QoQ เพื่อรับมือกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อตามหลักความระมัดระวัง
SAWAD: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 จะเพิ่มขึ้น 10%QoQ และ 3%YoY สู่ 1.14 พันล้านบาท โดยคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อ YoY จะเร่งตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ขณะที่คาดว่า NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และคาดว่า SAWAD จะตั้งสำรองเพิ่มขึ้น QoQ แต่ยังน้อยอยู่
THANI: คาดว่ากำไรสุทธิ 2Q65 จะเพิ่มขึ้น 4%QoQ และ 10%YoY สู่ 472 ล้านบาท โดยคาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นอีก ขณะที่ NIM จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และคาดว่า THANI จะตั้งสำรองในระดับทรงตัว QoQ หลังจาก LLR Coverage เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 80% ใน 4Q64 สู่ 101% ใน 1Q65
อย่างไรก็ดี SCBS มองว่า Valuation ของบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ดูแพงน้อยลง และสมเหตุสมผลมากขึ้น หลังจากราคาหุ้นปรับตัว Underperform ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
โดยหุ้นเด่นของกลุ่มคือ MTC เนื่องจากสินเชื่อจะเติบโตแข็งแกร่งที่สุด ความเสี่ยง Downside จากการแข่งขันทางราคาต่ำกว่าคู่แข่ง และ Valuation น่าสนใจที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมากกว่า 2SD
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ แรงกดดันต่อ NIM จากต้นทุนการเงินสูงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น และแนวโนมการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงการแข่งขันที่สูงขึ้นจากธนาคารพาณิชย์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP