เกิดอะไรขึ้น:
แนวโน้มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกใน 2H67 ยังคงแข็งแกร่ง SIA, IDC และ Gartner คาดว่ายอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะเติบโต 17-20% สู่ 6.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตคือการฟื้นตัวของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค, อุตสาหกรรม AI ที่กำลังเฟื่องฟู รวมถึงวงจรการเปลี่ยนสมาร์ทโฟน AI และพีซี AI
Canalys คาดการณ์ว่ายอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกจะเติบโต 4-5%YoY ใน 2H67 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้ AI ในสมาร์ทโฟน ซึ่งจะนำไปสู่การอัปเกรดสมาร์ทโฟนรอบใหม่ใน 2H67 เหตุการณ์สำคัญที่ต้องจับตาคือการเปิดตัว iPhone 16 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 กันยายน โดยนักลงทุนคาดว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ที่สุดโดยใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ด้านตลาดรถยนต์ S&P Global Mobility และ ING Research คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ทั่วโลกจะเติบโต 2.6-2.8% ในปี 2567 โดยได้แรงหนุนจากยอดขาย EV โดย NEF คาดการณ์ว่ายอดขาย EV ทั่วโลกจะเติบโต 25-30%YoY ในปี 2567 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวข้องกับยานยนต์ เช่น KCE (70% ของยอดขายรวม), DELTA (29% ของยอดขายรวม) และ HANA (23% ของยอดขายรวม)
DELTA จะได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติ โดยเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 กรมสรรพากรได้เผยแพร่ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (GMT) จากบริษัทข้ามชาติ
InnovestX Research คาดว่าการจัดเก็บภาษีขั้นต่ำนี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของ DELTA โดยจะทำให้กำไรสุทธิลดลงประมาณ 12% ต่อปีหากมีการบังคับใช้ข้อตกลง GMT อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่า KCE หรือ HANA จะได้รับผลกระทบจากข้อตกลง GMT เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KCE มีสัญชาติไทย และรายได้ของ HANA ยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น HANA ปรับลง 12.2%, KCE ปรับลง 14.1% ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 3.9%, SET ETRON ปรับขึ้น 4.3% และ DELTA ปรับขึ้น 5.5%
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
แม้ว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 6.9%QTD เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่ากำไรปกติของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 3 รายหลัก (DELTA, HANA, KCE) จะเติบโต 5.6%QoQ โดยกำไรของทั้ง 3 บริษัทจะเติบโต QoQ: DELTA ที่ 5.5%, HANA ที่ 7.0% และ KCE ที่ 5.0% ขณะที่เมื่อเทียบ YoY คาดว่ากำไรปกติของกลุ่มจะปรับตัวดีขึ้น 13.2% โดยจะเพิ่มขึ้นที่ DELTA (17.8%) และ KCE (18.4%) หลักๆ เกิดจากอุปสงค์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมที่ดีขึ้น แต่ธุรกิจ IC ที่อ่อนแอลง YoY จะส่งผลกระทบทำให้กำไรปกติของ HANA ปรับตัวลดลง 23.9%YoY
InnovestX Research ให้คำแนะนำ Outperform สำหรับ KCE (ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 55 บาทต่อหุ้น) และ HANA (ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 56 บาทต่อหุ้น) เนื่องจากกำไรปกติจะเติบโตใน 2H67 และ Valuation ยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับ P/E เฉลี่ย 5 ปี และผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายอื่นๆ ทั่วโลก และคงคำแนะนำ Neutral สำหรับ DELTA (ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 109 บาท) เนื่องจาก Valuation สูง และบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติ
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อของลูกค้า, สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ, สงครามเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลับมาปะทุอีกครั้ง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญ ได้แก่ การบริหารจัดการแรงงาน และซัพพลายเออร์ (S)
