เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q64 ของบริษัทกลุ่มพาณิชย์ ภายใต้การวิเคราะห์จำนวน 6 บริษัท ได้แก่ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC), บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC), บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL), บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO)
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับเพิ่มขึ้น 2.6%MoM โดย
ราคาหุ้น BJC ปรับเพิ่มขึ้น 4.9%MoM สู่ระดับ 32.25 บาท
ราคาหุ้น CPALL ปรับเพิ่มขึ้น 8.6%MoM สู่ระดับ 63.25 บาท
ราคาหุ้น CRC ปรับเพิ่มขึ้น 18.1%MoM สู่ระดับ 37.50 บาท
ราคาหุ้น GLOBAL ปรับลดลง 4.5%MoM อยู่ที่ระดับ 19.10 บาท
ราคาหุ้น HMPRO ปรับลดลง 0.7%MoM อยู่ที่ระดับ 14.00 บาท
ราคาหุ้น MAKRO ปรับลดลง 2.5%MoM อยู่ที่ระดับ 39.50 บาท
ข้อมูล ณ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565
พรีวิวผลประกอบการ 4Q64:
SCBS คาดว่าใน 4Q64 กำไรปกติของกลุ่มพาณิชย์น่าจะเติบโต 4%YoY และ 268%QoQ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสาขาเดิม (SSS) ที่ฟื้นตัวกลับมาเติบโต 6%YoY (เทียบกับลดลง 11%YoY ใน 4Q63 และ 5.8%YoY ใน 3Q64) หลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น (ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, CCI, ทำจุดสูงสุดในรอบ 9 เดือนในเดือนธันวาคม 2564) การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง, EBIT Margin ที่กว้างขึ้นจากการมีสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น, รายได้ Rebate ที่สูงขึ้นตามยอดขายที่สูงขึ้น รายได้ค่าเช่าที่แข็งแกร่งมากขึ้น QoQ หลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายได้ดีขึ้น
CPALL กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 185%YoY และ 582%QoQ (ดีที่สุดในกลุ่ม) หลักๆ ได้แรงหนุนจากรายการพิเศษ โดยเกิดจากกำไรจากหุ้นใหม่ของ MAKRO บวกกับกำไรจากการขายเงินลงทุน
CRC กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 173%YoY และฟื้นตัวจากขาดทุนปกติ 2.1 พันล้านบาท ใน 3Q64 โดยได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่เติบโตขึ้น รายได้ค่าเช่าที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งมากขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจและกลุ่มแฟชั่นที่ให้มาร์จิ้นสูงที่ฟื้นตัวดีขึ้น
GLOBAL กำไรปกติจะอยู่ที่ 687 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96%YoY และ 4%QoQ ได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่เติบโตขึ้นจากราคาเหล็กที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น
HMPRO กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY และ 89%QoQ ได้รับการสนับสนุนจาก SSS ที่เติบโตขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นจากรายได้ Rebate ที่เพิ่มขึ้นตามยอดขายที่แข็งแกร่งมากขึ้น และสัดส่วนการขายที่ดีขึ้นเพราะยอดขายสินค้า Private Brand สูงขึ้น
MAKRO หลังจากรวมกิจการของ Lotus’s เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 คาดว่าจะมีกำไรปกติที่ 2.09 พันล้านบาท ลดลง 2%YoY แต่เพิ่มขึ้น 33%QoQ กำไรที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ จะได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจ B2B ที่ดีขึ้นตามฤดูกาล และธุรกิจ B2C ที่แข็งแกร่งขึ้นเพราะรายได้ค่าเช่าปรับตัวดีขึ้นหลังคลายล็อกดาวน์
BJC กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท ลดลง 26%YoY แต่เพิ่มขึ้น 189%QoQ กำไรปกติที่ปรับตัวดีขึ้น QoQ จะได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่ดีขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้น รายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าในเดือนมกราคม 2565 ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโตในอัตราเร็วขึ้นสู่ระดับมากกว่า 10%YoY จากฐานต่ำของปีก่อน ผลกระทบที่มีจำกัดจากการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนท่ามกลางอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น YTD, การปรับราคาผลิตภัณฑ์สืบเนื่องมาจากเงินเฟ้อ, ผลกระทบของปีปฏิทินในเชิงบวกจากเทศกาลตรุษจีนที่มาถึงเร็วขึ้น (ต้นกุมภาพันธ์ ในปี 2565 เทียบกับกลางกุมภาพันธ์ ในปี 2564) และมาตรการลดหย่อนภาษีช้อปปิ้ง กำไร 4Q64 ที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น และกำไร 1Q65 ที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งมากขึ้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นของกลุ่มพาณิชย์
สำหรับหุ้นเด่นของกลุ่มพาณิชย์ SCBS เลือก CRC เนื่องจากกำไรปกติ 4Q64 น่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และกำไรปี 2565 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ นอกจากนี้ยังชอบ CPALL เนื่องจากกำไรสุทธิ 4Q64 น่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และกำไรปี 2565 จะเติบโตดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มพาณิชย์ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ สถานการณ์โควิดเลวร้ายลง ซึ่งจะส่งผลทำให้รัฐบาลนำข้อจำกัดต่างๆ กลับมาใช้อีกครั้ง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP