เกิดอะไรขึ้น:
ตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ธนาคารกลางเมียนมา ( CBM ) ได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์ บริษัท และผู้กู้รายย่อยระงับการชำระหนี้เงินกู้ด้วยเงินสกุลต่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินเมียนมาที่อ่อนค่าไปมาก และรักษาทุนสำรองเงินตราต่างประเทศไว้ให้มากที่สุด
ขณะที่ปัจจุบัน CBG มีรายได้จากการขาย 9% จากเมียนมา และมีผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่เพียงหนึ่งรายในเมียนมา ซึ่ง CBG ขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้จัดจำหน่ายรายดังกล่าวเป็นเงินบาท ดังนั้นจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากนโยบายข้างต้นค่อนข้างจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางการเงินที่สูงขึ้นทำให้มีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลกระทบทำให้ปริมาณขายปรับตัวลดลงในอนาคต
สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายในเมียนมา และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ส่งผลทำให้ SCBS คาดว่าปริมาณขายจะชะลอตัวลงใน 2H65 และปรับประมาณการรายได้ปี 2565 ลดลง 3% สู่ 1.9 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 9.7%YoY) และปรับประมาณการกำไรสุทธิลดลง 2.4% สู่ 3 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.2%YoY) ในขณะที่ยังคงประมาณการกำไรปี 2566 ไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 15.5%YoY)
อย่างไรก็ตาม รายได้ราว 30% ของ CBG ได้มาจากกลุ่มประเทศ CLM (กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา) ซึ่งจะต้องจับตาดูเศรษฐกิจ การบริโภค และค่าเงิน โดย SCBS ใช้สมมติฐานว่าเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยใน 2H65 และจะฟื้นตัวในปี 2566 ซึ่งจากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวต่อปริมาณขายที่ลดลงในกรณีเลวร้ายหากยอดขายใน CLMV ลดลง 15% ในปี 2566 (ระดับเดียวกันกับปี 2564 ที่เกิดสถานการณ์โควิด) และพบว่ากำไรสุทธิจะลดลง 4.5% หรือจะส่งผลกระทบทำให้ราคาเป้าหมายปรับลดลง 5.3 บาทต่อหุ้น ซึ่ง SCBS ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น CBG ปรับตัวลดลง 3.49%WoW อยู่ที่ระดับ 110.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.21%WoW สู่ระดับ 1,551.89 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS คาดการณ์กำไร 2Q65 ที่ 794 ล้านบาท (ลดลง 18%YoY แต่เพิ่มขึ้น 20%QoQ) ได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น 8%YoY และ 12.7%QoQ โดยคาดว่ารายได้จากการขายเครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศจะลดลงเล็กน้อย YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ขณะที่รายได้จากการรับจ้างจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลภายนอกจะทำสถิติสูงสุด รายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่ลดลง YoY อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ สู่ 31.5% แต่ลดลงจากฐานสูงใน 2Q64
อย่างไรก็ดี แม้ประเมินว่าผลการดำเนินงานใน 2H65 จะดีกว่า 1H65 โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขายในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น ตลาดต่างประเทศที่เติบโตสูง และต้นทุนสินค้าขายที่ลดลง แต่การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายในเมียนมา ความไม่แน่นอน และความเสี่ยง ส่งผลทำให้ประมาณการกำไรปี 2565 ปรับลดลงราว 2.4% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดูนโยบาย ค่าเงิน และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในตลาด CLMV ล่าสุด SCBS ปรับ Tactical Call สำหรับ CBG ลงจาก Outperform สู่ Neutral โดยจะทบทวนคำแนะนำอีกครั้งในไตรมาสถัดไป
ส่วนปัจจัยเสี่ยงและความกังวลที่ต้องติดตาม แม้ราคาวัตถุดิบหลักของ CBG อย่างอะลูมิเนียมอยู่ในทิศทางขาลง และอาจช่วยสนับสนุนให้กำไรฟื้นตัวใน 2H65 แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้ยอดขายออกมาต่ำกว่าคาดการณ์
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP