×

BBL – 2Q67 ดีเกินคาดจากกำไรเครื่องมือการเงิน แต่ ECL สูงกว่าคาด

22.07.2024
  • LOADING...
BBL

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานกำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 1.18 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12%QoQ และ 5%YoY) สูงกว่า InnovestX Research และ Consensus คาดอยู่ 14% จากกำไรเครื่องมือการเงิน แม้ว่าจะเกลี่ยกำไรด้วยการตั้ง ECL เพิ่มขึ้น

 

รายการที่สำคัญ:

  1. คุณภาพสินทรัพย์: NPL เพิ่มขึ้น 5.5% หรือ 5.2 พันล้านบาท QoQ Credit Cost เพิ่มขึ้น 26 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 20 bps YoY) สู่ 1.53% สูงกว่าคาด เพื่อเกลี่ยกำไรและเพื่อให้เป็นไปตามหลักความระมัดระวังและรอบคอบ LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 279% ใน 1Q67 สู่ 282%

 

  1. การเติบโตของสินเชื่อลดลง 0.6%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 0.8%YoY และ 1.8%YTD (หลักๆ เกิดจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่) InnovestX Research ยังคงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 3%

 

  1. NIM: ดีกว่าคาด โดยลดลง 3 bps QoQ (เพิ่มขึ้น 11 bps YoY) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับทรงตัว QoQ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นเพียง 3 bps QoQ น้อยกว่าที่คาดการณ์

 

  1. Non-NII: เพิ่มขึ้น 26%QoQ (ลดลง 5%YoY) โดยเกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง 1%QoQ (เพิ่มขึ้น 4%YoY)

 

  1. อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้: ลดลง 297 bps QoQ (ลดลง 328 bps YoY) สู่ 44.16% ดีกว่าคาด OPEX ลดลง 2%QoQ (ลดลง 4%YoY)

 

กระทบอย่างไร:

วันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ราคาหุ้น BBL ปรับลง 4% สู่ระดับ 132.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.07% สู่ระดับ 1,323.80 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

InnovestX Research คาดว่ากำไร 3Q67 จะลดลง QoQ (กำไรจากเครื่องมือทางการเงินลดลง) และจะอยู่ในระดับทรงตัว YoY โดยได้รับการสนับสนุนจาก Credit Cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโตเพิ่มขึ้น และ NIM ในระดับทรงตัว และคาดว่ากำไร 4Q67 จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล (OPEX เพิ่มขึ้น) แต่เพิ่มขึ้น YoY (ECL ลดลง)

 

ส่วนกำไรปี 2567 ยังคงคาดการณ์ว่าจะเติบโต 5% ซึ่งเป็นผลมาจากสินเชื่อที่เติบโต 5% NIM ที่ลดลง 2 bps Credit Cost ที่ลดลง 6 bps Non-NII ที่ค่อนข้างคงที่ และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ทรงตัว

 

InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ BBL และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 180 บาทต่อหุ้น (อิงกับ PBV ปี 2568 ที่ 0.58 เท่า)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาด เนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง, การลดอัตราดอกเบี้ย และความเสี่ยงด้าน ESG จากความปลอดภัยทางไซเบอร์และการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising