เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวบทวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการ 3Q64 ของ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BAM ปรับตัวขึ้น 2.7%MoM สู่ระดับ 19.00 บาท เทียบกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 0.4%MoM สู่ระดับ 1,623.43 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ตุลาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่า BAM จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ลดลง 27%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 94%YoY สู่ระดับ 579 ล้านบาท โดยอิงกับข้อมูลที่บริษัทให้ไว้ว่าผลเรียกเก็บเงินสดใน 3Q64 ต่ำกว่าเป้าที่ 4.24 พันล้านบาท อยู่ราว 10% ซึ่งหมายความว่าผลเรียกเก็บเงินสดใน 3Q64 จะอยู่ที่ราว 3.8 พันล้านบาท ลดลงราว 10%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 16%YoY
ทั้งนี้ ใน 3Q64 BAM พบว่าผลเรียกเก็บเงินสดทั้งจาก NPL และ NPA ลดลง QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY โดยมีสาเหตุมาจากมาตรการล็อกดาวน์ โดยผลเรียกเก็บเงินสดจาก NPL ที่ลดลง QoQ ใน 3Q64 เป็นเพราะกรมบังคับคดีปิดการขายทอดตลาดในพื้นที่ล็อกดาวน์ ขณะที่ผลเรียกเก็บเงินสดจาก NPA ที่ลดลง QoQ ใน 3Q64 เป็นเพราะไม่มีการเรียกเก็บเงินสดจากการขาย NPA ขนาดใหญ่ราว 400 ล้านบาทเกิดขึ้นซ้ำอีก
ด้านอัตรากำไรขั้นต้น 3Q64 จากการขาย NPA จะปรับตัวลดลง โดยมีสาเหตุมาจากกลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุก ทั้งนี้ ใน 4Q64 BAM ตั้งเป้าเรียกเก็บเงินสดไว้ที่ 6 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างท้าทายแม้จะไม่มีมาตรการล็อกดาวน์
ปัจจุบัน BAM อยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้ง AMC ด้วยการร่วมทุนกับสถาบันการเงินเพื่อบริหาร NPL และปรับโครงสร้างบริษัทเป็น Holding Company เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 2564
มุมมองระยะยาว:
ในปี 2565 ผลประกอบการของ BAM จะได้รับการสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์พร้อมกับการเปิดประเทศ การใช้กลยุทธ์เชิงรุกของบริษัท รวมถึงเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดย BAM ได้ตั้งเป้าหมายเรียกเก็บเงินสดปี 2565 ที่ 1.895 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 9%YoY
ทั้งนี้ ต้องติดตามการปรับลดมาร์จิ้นจาก NPL และ NPA เพื่อกระตุ้นให้ผลเรียกเก็บเงินสดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของบริษัท