×

หุ้นกลุ่มยานยนต์-มอเตอร์โชว์: ยอดจองรถ BEV เร่งตัวขึ้น

04.04.2023
  • LOADING...
มอเตอร์โชว์

เกิดอะไรขึ้น:

ประเทศไทยจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ยอดจองรถในงานนี้มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 45,983 คัน แบ่งเป็นรถประเภท 4 ล้อ จำนวน 42,885 คัน (เพิ่มขึ้น 34% จากงานมอเตอร์โชว์ครั้งก่อน) และรถประเภท 2 ล้อ จำนวน 3,098 คัน สำหรับตลาดรถประเภท 4 ล้อ InnovestX Research มองว่าไฮไลต์คือรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% (BEV) ซึ่งมียอดจองถึง 9,234 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 21.5% ของยอดจองทั้งหมด เร่งตัวขึ้นจากสัดส่วน ~10% ในงาน Motor Expo (30 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2565) 

 

ในขณะที่ยอดจองรถ ICE เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2% ซึ่งชี้ให้เห็นว่ารถ BEV มีราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้มากขึ้นหลังจากมาตรการสนับสนุนการใช้รถ BEV ของภาครัฐได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด แบรนด์รถ BEV ใหม่จากจีน เช่น BYD และ NETA มียอดจอง 2,737 คัน (คิดเป็น 30% ของยอดจองรถ BEV) และ 1,300 คัน (14%)

 

กระทบอย่างไร: 

ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น AH ปรับเพิ่มขึ้น 3.31%WoW ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.44%WoW 

 

กลยุทธ์การลงทุน:

InnovestX Research มองว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถ BEV ในประเทศไทยคือ นโยบายรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพในการสนับสนุนผู้ซื้อด้วยการทำให้รถ BEV มีราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้นผ่านมาตรการจูงใจด้านราคา เนื่องจากประเทศไทยตั้งเป้าผลิตรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (ZEV) ให้ได้อย่างน้อย 30% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตในประเทศไทยภายในปี 2573 

 

ในระยะสั้นตลาดรถ BEV ที่เติบโตขึ้นนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากในระยะแรกรถ BEV ส่วนใหญ่จะถูกนำเข้ามาเพื่อให้กระตุ้นตลาดได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่ตัดสินใจนำเข้ารถ BEV เพื่อจำหน่ายภายใต้มาตรการสนับสนุนของภาครัฐจะต้องผลิตรถ BEV ในประเทศไทย จะช่วยสนับสนุนการผลิตรถยนต์และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ของไทยในอนาคต โดยประมาณการยอดผลิตรถยนต์ไว้ที่ 1.95 ล้านคันในปี 2566 เพิ่มขึ้น 3%YoY จากปี 2565 ซึ่งประกอบด้วยยอดขายรถยนต์ในประเทศที่เติบโต 9% (927 คัน) และการส่งออกรถยนต์ที่เติบโต 2% (1.0 ล้านคัน)

 

หุ้นเด่นกลุ่มยานยนต์ เลือก AH โดยคาดว่ากำไรปกติของ AH จะเติบโต 8% สู่ 1.8 พันล้านบาทในปี 2566 ในขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ของไทยจะเติบโตปานกลางในปี 2566 

 

โดยกำไรของ AH จะได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อชิ้นส่วน OEM ใหม่ที่รวมถึงชิ้นส่วนรถ EV ยอดขายชิ้นส่วนรถ EV อยู่ที่ ~700 ล้านบาทในปี 2565 (3% ของยอดขาย) และ AH คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2566 โดยอิงกับคำสั่งซื้อที่บริษัทมีอยู่ในมือ 

 

ปัจจุบันราคาหุ้น AH เทรดที่ PE ปี 2566 ระดับ 6.1 เท่า เทียบกับ 7.9 เท่าสำหรับ SAT และ 8.5 เท่าสำหรับ STANLY 

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ AH โดยมีราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 44 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PE 8.6 เท่า (ค่าเฉลี่ยในปี 2560-2561 ซึ่งเป็นช่วงที่กำไรของ AH เติบโตตามปกติ)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ 1. ความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อรถยนต์ 2. การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์หยุดชะงัก และ 3. ระดับของการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถ ICE ของผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ดั้งเดิม

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising