×
SCB Omnibus Fund 2024

แนวโน้มทิศทางของตลาด Cryptocurrency ในปี 2021

โดย Sanjay Popli
16.12.2020
  • LOADING...
แนวโน้มทิศทางของตลาด Cryptocurrency ในปี 2021

หลังจากการ Halving Bitcoin ในปี 2020 และการทำราคาทะลุ ATH อีกครั้งของ Bitcoin ทำให้ตลาด Cryptocurrency ในปัจจุบันกลับมาอยู่ในสภาวะที่เรียกได้ว่าเฟื่องฟูอยู่พอสมควร หลังจากผ่านช่วงตลาดหมีที่ตกต่ำเป็นเวลากว่า 3 ปี ซึ่งก็มีหลายคนคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะไปถึงที่เท่าไรกันไปต่างๆ นานา

 

วันนี้ผมจะวิเคราะห์ตลาดในมุมมองส่วนตัว แต่อย่าลืมว่าตลาด Cryptocurrency เป็นตลาดที่ผันผวนและยังมีมูลค่าน้อย อาจมองว่า Upside ค่อนข้างสูง แต่เป็นตลาดที่สามารถเกิดอะไรขึ้นก็ได้ สิ่งที่ผมวิเคราะห์ทั้งหมดจึงเป็นการคาดการณ์เท่านั้น

 

ฐานใหม่ของราคา Bitcoin ที่แข็งแกร่งขึ้น

หลังจาก Bitcoin ขึ้นมาทำราคาที่สูงกว่า 16,000 ดอลลาร์ และกลายเป็นฐานใหม่ของราคา Bitcoin ได้สร้างฐานใหม่ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว จากเทคนิคการวิเคราะห์ของหลายๆ แห่ง ซึ่งดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง จากการที่ราคา Bitcoin นั้นไปอยู่ในช่วงสะสมฐานในตลาดหมีถึง 3 ปี 

 

ในด้านกระแสของภาคเอกชนก็มีส่วนจากการที่ PayPal เปิดซื้อขาย PayPal ทำให้ Bitcoin กลายเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปมากขึ้น และที่น่าตลกไปกว่านั้น คือการเปิดรับ Cryptocurrency ของ Pornhub เพราะโดนปิดกั้นการชำระเงินของ Visa ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้จัก Bitcoin มากขึ้น

 

ส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้ฐานของ Bitcoin เข้มแข็งขึ้น คือการเข้าซื้อ Bitcoin ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็น Grayscale หรือ MicroStrategy เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเข้ามาของสถาบันต่างๆ ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือ ผู้มีอิทธิพลหรือองค์กรจำนวนหนึ่งที่อาจเคยมีความเห็นเชิงลบกับ Bitcoin แต่ในปัจจุบันกลับให้ความเห็นในทางตรงกันข้ามอย่างเห็นได้ชัด

 

โดยสรุปแล้วในระยะยาวนั้น ราคา Bitcoin มีแนวโน้มที่จะผันผวนได้ แต่ฐานราคา 16,000 ดอลลาร์ นั้นเป็นฐานที่แข็งแกร่งมากที่ยากจะถูกทำลายลงได้

 

การเติบโตของ DeFi

หลังจากการล่มสลายของตลาด ICO ที่อยู่ในภาวะตกต่ำจนแทบเรียกได้ว่าล่มสลาย หลังจากที่ราคา Bitcoin อยู่ในตลาดหมี สิ่งที่ดูเหมือนจะมาแทนที่ได้อย่างสวยงามคือโครงการ DeFi ทั้งหลาย ซึ่งแม้โครงการเหล่านี้จะมีการสร้าง Governance Token ออกมาไม่ต่างกับ ICO แต่สิ่งที่มีภาษีดีกว่าอย่างชัดเจนคือ โครงการ DeFi เหล่านี้มีการใช้งานจริงๆ และมีเงิน Lock Up อยู่มากถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

แม้ว่าโครงการ DeFi เหล่านี้ยังมีอายุไม่นานนักและมูลค่ายังน้อย แต่ไอเดียของโครงการ DeFi นับว่าแปลกใหม่ และฉีกกฎเกณฑ์ข้อบังคับทั้งหมดที่ถูกเขียนไว้ในระบบการเงินเดิม เช่น การสร้าง Synthetic Asset ที่เป็นสินทรัพย์จำลองสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ ขึ้นมาอย่างเช่น หุ้น โดยไม่ต้องไปขออนุญาตหน่วยงานกำกับใดๆ อาจดูเป็นการทดลองทางการเงินที่บ้าคลั่งและความเสี่ยงสูง แต่ถ้ามีกระแสอะไรสักอย่างจะถูกจุดติดในปีหน้า DeFi เป็นสิ่งที่ทุกคนควรจับตามองไว้

 

ปัจจุบันหนึ่งในสิ่งที่ยังเป็นคอขวดในโลก DeFi คือความล่าช้าของ Ethereum ที่ทำธุรกรรมได้เพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที ซึ่งปัญหานี้จะหมดไปเมื่อ Ethereum 2.0 เปิดใช้งานเต็มที่ ซึ่งยากมากที่เราจะคาดเดาได้ว่าเมื่อไรจะถึงวันนั้น อาจจะเป็นปีหน้าหรือหลายปีข้างหน้า แต่ถ้ามันใช้งานได้เมื่อไร คุณจะเห็นเม็ดเงินที่มหาศาลกว่านี้ไหลลงไปยังโครงการ DeFi แน่นอน

 

การแข่งขันของ Stablecoin

Stablecoin เป็นหนึ่งในกระแสที่น่าจะมาแรงในปี 2021 โดยหากดูจากปัจจุบัน Stablecoin อันดับ 1 อย่าง Tether นั้นต้องประสบกับปัญหามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจากภาครัฐ หรือข้อครหาด้านการตรวจสอบบัญชี เป็นเหตุผลว่า Stablecoin อื่นๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา จึงมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมากจากความไม่ไว้ใจในตัวของ Tether

 

นอกจากนี้ถ้าเราไปสังเกตที่มูลค่ารวมของ Stablecoin ทั้งหมด เราจะพบว่ามีมูลค่าประมาณ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นเพียงไม่ถึง 5% ของมูลค่าตลาด Cryptocurrency ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายกลับสูงถึง 40% ของปริมาณการซื้อขายรวมในแต่ละวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราอาจเห็นได้ชัดว่า ตลาดนี้มีการแข่งขันที่มากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าการแข่งขันนั้นดีต่อผู้บริโภคเสมอ 

 

CBDC กับการเติบโตของตลาด

ในส่วนของ CBDC เป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่า มูลค่าของมันจะเข้ามาสู่โลก Cryptocurrency หรือเปล่า เพราะโครงการทั้งหลายอยู่ในระหว่างทดลองใช้งานที่อาจจะใช้เวลาเป็นปี โครงการที่ดูเหมือนว่าจะไปได้เร็วที่สุดก็คือ Digital Yuan ของจีน ที่เพิ่งมีการทดสอบให้ประชาชนได้ลองใช้งานจริง

 

ซึ่งจนกว่า CBDC จะเปิดใช้งานอย่างเต็มตัว อาจจะมีผลต่อตลาด Cryptocurrency ไม่มากเท่าไรนัก เพราะในช่วงต้นรัฐบาลจะผลักดันให้เกิดการใช้งานในภาคเศรษฐกิจทั่วไปก่อน จนกว่าภาคประชาชนจะเข้าใจรูปแบบของเงินดิจิทัลในลักษณะต่างๆ และเริ่มหันมาสนใจใน Cryptocurrency ก็อาจใช้เวลานานกว่าที่คิด

 

Security Token กับการปรับตัวของภาครัฐ

การที่หลักทรัพย์และสินทรัพย์จะขึ้นมาโลดแล่นบนโลก Cryptocurrency เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจะทำให้ตลาด Cryptocurrency เติบโตอย่างมหาศาลได้ ด้วยการที่มูลค่าตลาด Cryptocurrency มีมูลค่าเพียงแค่ 5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ในขณะที่ตลาดหุ้นมีมูลค่าอยู่ที่ 67.5 ล้านล้านดอลลาร์ แค่มูลค่าเพียง 1% ของตลาดหุ้นก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ตลาด Cryptocurrency เติบโตขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว

 

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดาย เพราะการที่หลักทรัพย์ถูกกฎหมายควบคุมนั้นจะต้องผ่านกฎเกณฑ์มากมายที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าแนวคิดนี้จะเป็นที่พูดถึงมาตั้งแต่ปี 2018 แล้วก็ตาม

 

แต่ทางหน่วยงานกำกับนั้นได้รับความกดดันพอสมควร เพราะตลาดไม่เคยรอ ปัจจุบันมีโครงการนำร่องออกมาบ้าง โดยให้ Broker ที่ได้ License ถือหุ้นแทนแล้วแปลงหุ้นเป็น Token ที่มีหุ้น Back เช่น การเทรดหุ้นบน FTX ที่เป็นพันธมิตรกับ CM Equity AG ของเยอรมนี และ Digital Asset AG ของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อโครงการนำร่องเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยดี ในไม่ช้าตลาดจะเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับนั้นเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์เหล่านี้ในไม่ช้า

 

และสำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับตลาด Cryptocurrency หรือเทคโนโลยี Blockchain ในวันที่ 26 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จะมีงาน Online Exclusive Event อย่างงาน Blockchain Thailand Genesis 2020 โดยเป็นการรวบรวมสปีกเกอร์กว่า 30 คนในวงการ มีหัวข้อมากกว่า 10 หัวข้อ และ 4 เวิร์กช็อป สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://btg2020.blockchain-th.com/

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising