×

มารีญา พูลเลิศลาภ กับช่วงเวลาเสี้ยวนาทีเพื่อบอกให้จักรวาลรู้ว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร

15.03.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • มารีญาชอบฟังเพลงมาตั้งแต่ 7 ขวบ และคิดว่าในทุกๆ ช่วงจะมีเพลงหนึ่งที่เป็นซาวด์แทร็กประกอบชีวิตช่วงนั้น เมื่อทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนั้น ภาพความทรงจำในวันนั้นจะกลับคืนมา
  • ช่วงประกวด Miss Universe คือช่วงที่มารีญาฟังเพลงน้อยที่สุด เพราะเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฟังรายการข่าวเพื่อหาข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งเธอแอบคิดเหมือนกันว่าถ้าผ่อนคลายตัวเองด้วยการฟังเพลงมากกว่านี้ เธออาจจะทำได้ดีมากขึ้นก็ได้
  • ถ้าเปรียบเทียบตัวเองเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายได้เสี้ยวนาทีหนึ่ง มารีญาอยากใช้เสี้ยวนาทีนั้นเพื่อแบ่งปันความรู้สึกให้ผู้คนกล้าที่จะมอบความรักให้แก่กันมากขึ้น

ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักในฐานะ Miss Universe Thailand 2017 ที่สวยสง่า ตอบคำถามฉะฉาน พร้อมกับทัศนคติที่อยากทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นด้วยความสามารถที่มี มารีญา พูลเลิศลาภ เองก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่เติบโตมากับการฟังเพลงตั้งแต่เด็ก มีความฝันอยากเป็นนักร้อง เคยออกอัลบั้มกับค่าย Smallroom และคิดว่าจะมีเพลงที่เป็น ‘ซาวด์แทร็ก’ ประกอบในแต่ละช่วงชีวิตอยู่เสมอ

 

ถึงแม้ในช่วงประกวด Miss Universe ทำให้ต้องทำการบ้านอย่างหนักจนแทบไม่มีเวลาฟังเพลงที่เคยเป็นความสุข แต่อิทธิพลของบทเพลงก็ไม่เคยจางหายไปจากชีวิตของเธอ เช่นเดียวกับในรายการ Melody to Masterpiece ที่โปรดิวเซอร์ของค่าย Muzik Move และ I AM หยิบเอาบางช่วงบางตอนในชีวิตของเธอมาเป็นวัตถุดิบในการเขียนเพลงเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ต่อไป

 

โดยเฉพาะในเพลง เสี้ยวนาที ที่พูดถึงช่วงเวลาเสี้ยวนาทีหนึ่งที่คนเราควรจะได้เปล่งแสงสว่างเพื่อบอกให้จักรวาลได้รู้ว่าเราคือใครและเกิดมาเพื่อทำอะไรบนโลกใบนี้ ซึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ ของผู้หญิงที่ชื่อมารีญา เธออยากใช้มันเพื่อแบ่งปันความรู้สึกเพื่อให้ทุกคนมีความ ‘กล้า’ ที่จะส่งมอบความรักให้แก่กันมากยิ่งขึ้น

 

ถ้าเทียบกับงานศิลปะแขนงต่างๆ คิดว่าดนตรีเป็นงานศิลปะที่มีอิทธิพลกับความคิดและชีวิตของมารีญามากขนาดไหน

มารีญาเป็นคนชอบฟังเพลงมากมาตั้งแต่อายุประมาณ 7 ขวบ ช่วงที่เริ่มมีวอล์กแมนเป็นของตัวเอง ซีดีม้วนแรกที่ซื้อเป็นอัลบั้มรวมเพลงของนักร้องผู้หญิง แต่จำชื่อไม่ได้แล้ว เวลาเดินไปเรียน ขึ้นรถบัส กลับบ้าน หรือทำอะไรก็ตาม จะเห็นภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เสียบหูฟังเปิดเพลงอยู่ตลอดเวลา

 

เพลงค่อนข้างมีอิทธิพลกับชีวิตมารีญาเยอะนะ เพราะทุกช่วงชีวิตจะมีเพลงที่เป็นซาวด์แทร็กของช่วงนั้นๆ ที่เปิดมาฟังกี่ครั้ง ภาพในช่วงเวลานั้นจะย้อนกลับมา เหมือนเป็นเครื่องบันทึกความทรงจำอย่างหนึ่ง อย่างตอนเด็กๆ ที่มารีญาเลี้ยงนกคู่หนึ่ง แล้วนกตัวหนึ่งบินหนีไป เป็นช่วงที่ดูหนังเรื่อง Titanic ที่มีเพลง My Heart Will Go On ของ เซลีน ดิออน พอดี เพลงนี้ก็เลยกลายเป็นซาวด์แทร็กแทนความเศร้า แทนความอกหัก ความเสียใจที่เราเสียนกที่รักมากไป แล้วเห็นนกอีกตัวหนึ่งต้องอยู่คนเดียว

 

เพลงที่เป็นซาวด์แทร็กของชีวิตในช่วงที่ประกวด Miss Universe คือเพลงอะไร

เป็นช่วงที่มารีญาฟังเพลงน้อยที่สุดเลย (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นตั้งใจมาก เวลาว่างก็จะพยายามฟังข่าว ฟังรายการของคุณน้าสุทธิชัย หยุ่น เพราะเราอยากรู้เรื่องสังคม การเมือง ความเป็นไปของโลกให้มากที่สุดจนแทบไม่ได้ฟังเพลงอื่นเลย ทั้งที่ปกติจะฟังเพลงตลอดเวลา

 

พอมาคิดดูตอนนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีผลกับการประกวดเหมือนกันนะคะ เพราะมารีญาทำงานหนักมากกับการหาข้อมูลเพื่อทำการบ้านจนเราลืมหาเวลาผ่อนคลายให้กับตัวเอง ทุกอย่างมันเครียดไปหมด ไม่แน่ว่าถ้าเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ฟังเพลง ความคิด ความรู้สึกในตอนนั้นอาจจะผ่อนคลาย สบายมากขึ้น และเราอาจจะทำได้ดีกว่านี้ เป็นธรรมชาติมากกว่านี้ก็ได้

 

เพลง เบลอ (Blur)

 

พอจะจำความรู้สึกตอนที่มารีญาออกอัลบั้ม Maxi Singles ในฐานะศิลปินของค่าย Smallroom ได้ไหม ในฐานะคนที่ชอบฟังเพลง นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยหรือเปล่า

มารีญาชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กนะ มีความสุขที่ได้ร้องเพลง ไม่ว่าจะในโบสถ์ ในงานคริสต์มาส ในคณะประสานเสียง แต่พอมาเป็นนักร้องจริงๆ ก็เหมือนตอนประกวด Miss Universe เลย คือพอคิดว่านี่คือการทำงาน ความสุข ความผ่อนคลายในการร้องเพลงก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความเครียด ความกังวล พอขึ้นเวทีก็เกร็งไปหมด คิดอย่างเดียวว่าจะทำยังไงให้ผลงานออกมาดีที่สุด

 

แต่ถ้าถามว่าจะมีโอกาสกลับไปมีเพลงของตัวเองอีกไหม อันนี้คงต้องรออีกสักพักก่อนนะคะ เพราะถ้าทำตอนนี้เลยคิดว่าคงจะกลับมาเครียดเหมือนเดิมอีก (หัวเราะ) แล้วคิดว่าตอนนี้เรายังไม่พร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ให้กับทั้งโลกได้จากเรื่องราวของเราเอง แต่อนาคตคิดว่าอยากกลับไปร้องเพลงเหมือนกัน แต่ต้องเป็นช่วงเวลาที่แน่ใจแล้วว่าเราอยากทำอะไร อยากพูดเรื่องอะไรผ่านเพลงของเรา และต้องเป็นช่วงเวลาที่สามารถปล่อยความความรู้สึกได้ ไม่เครียดเหมือนที่ผ่านมา

 

เพลง ยิ่งกว่า

 

รู้สึกอย่างไรเมื่อได้เปลี่ยนจากการร้องเพลงด้วยตัวเองมาเป็นวัตถุดิบในการแต่งเพลงเพื่อส่งแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ต่อไปในรายการ Melody to Masterpiece  

ตื่นเต้นมากจริงๆ ค่ะ มันมีความรู้สึกเกิดขึ้นข้างในเยอะมาก ทั้งมีความสุข ภูมิใจที่มีคนมองเห็นตัวตนและสะท้อนชีวิตของเราออกมาได้ดีมาก อย่างเพลง ยิ่งกว่า ของค่าย Muzik Move ที่พูดถึงเรื่อง Support System ก็คือครอบครัวที่มีความสำคัญกับมารีญามากๆ สิ่งที่เขาพูดในเพลงมันจริงมากจนเราร้องไห้เลยนะ เพราะการสนับสนุนจากครอบครัวคือสิ่งที่ทำให้เราสามารถมาถึงจุดนี้ได้

 

เหมือนที่พี่ฟองเบียร์พูดในรายการว่า เมื่อได้มงกุฎจากเวทีประกวด มันจะอยู่กับเราอย่างมากที่สุดก็คือ 1 ปี ก่อนที่จะมีคนอื่นขึ้นมารับมงกุฎนี้ในปีต่อไป แต่พ่อแม่คือคนแรกที่สวมมงกุฎให้กับมารีญาโดยที่ไม่เคยถอดออกไปไหน เป็นมงกุฎแห่งความรักที่เขามอบให้เรามากพอจนทำให้รู้สึกว่าเรารักตัวเองและส่งต่อความรักให้กับคนอื่นต่อไปได้

 

เพลง เสี้ยวนาที  

 

กับอีกเพลงหนึ่งคือ เสี้ยวนาที ของค่าย I AM ที่พูดถึงเวลาแค่เสี้ยวนาทีหนึ่งที่คนเราจะเปล่งประกายให้โลกได้รับรู้ มารีญามองเห็นความสำคัญอะไรบ้างในช่วงเวลาสั้นๆ ถึงขนาดเลือกให้เพลงนี้ชนะในรายการ

เพราะว่าเสี้ยวนาทีนั้นมันคือคำตอบของสิ่งที่มารีญาพยายามทำมาทั้งหมด ทั้งจาก Support System ที่พูดถึงในเพลงแรก ความรัก และทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเสี้ยวนาทีที่ทำให้โลกรู้ว่าเรามายืนอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ถ้าผ่านไปแล้วจะไม่มีวันย้อนกลับ แล้วเราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในเสี้ยวนาทีนั้นให้ได้เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง

 

และจะมีเนื้อเพลงอีกท่อนหนึ่งที่ร้องประมาณว่า ไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ตรงไหน แต่เราก็ยังพยายามต่อไป ลงมือทำต่อไปไม่หยุด เราไม่จำเป็นต้องเห็นปลายทางด้วยซ้ำว่ามันอยู่ตรงไหน เพราะสำหรับมารีญา ปลายทางคือ End of your life คือจบชีวิตของเราไปแล้ว

 

สิ่งที่สำคัญกว่าคือระหว่างทางที่เรากำลังใช้ชีวิตต่างหาก ยิ่งไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ตรงไหน เรายิ่งต้องเดินหน้าต่อไป เราอาจจะกำหนดปลายทางชีวิตของเราไม่ได้ แต่เรากำหนดได้นะว่าเราจะใช้ชีวิตยังไงระหว่างเส้นทางเดินทุกๆ ขั้นในชีวิต

 

Instagram: marialynnehren

 

มองตามเนื้อเพลง เสี้ยวนาที ถ้าเปรียบมารีญาเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายมาเสี้ยวนาทีหนึ่ง คิดว่าตัวเองกำลังเปล่งประกายเพื่อบอกอะไรกับโลกใบนี้

อยากสนับสนุนให้คนกล้าที่จะรักทุกอย่างที่อยู่รอบข้างเรา ไม่ใช่แค่กับคนด้วยกัน แต่หมายถึงความรักที่มีต่อสัตว์ ต่อธรรมชาติ ต่อสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ เราต้องกล้าที่จะรักอะไรสักอย่างก่อน เพราะเมื่อเรารักสิ่งนั้นจริงๆ เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อสิ่งนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว คนรัก สิ่งแวดล้อม และเมื่อเรารัก เราจะมีความเข้าใจให้แก่กัน เมื่อเข้าใจกัน ปัญหาความขัดแย้งหลายๆ อย่างก็ไม่เกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็จะได้รับการคลี่คลายไปในทางที่ดี

 

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะหลายครั้งที่เรายังกลัวหรืออายที่จะทำความดี อายที่จะช่วยเหลือคนอื่น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะระบบการศึกษา ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยนะคะ แต่เป็นระบบการศึกษาทั้งหมดที่อาจจะเริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่โรงเรียนต้องสอนว่าทำยังไงเราถึงจะกลายเป็นบุคลากรที่สร้างผลผลิตได้สูงสุด แต่ไม่ได้สอนเรื่องความรัก ไม่ได้สอนว่าเราจะอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วยความรักได้ยังไง ในขณะที่โลกพัฒนาเกินยุคนั้นมาไกลมากแล้ว แต่เหมือนว่าบางคนยังติดความรู้สึกไม่กล้าที่จะรัก ไม่กล้าที่จะทำอะไรเพื่อคนอื่นอยู่

 

เพราะฉะนั้นถ้ายังพอมีแสงเปล่งประกายต่อไปได้ มารีญาก็อยากแบ่งปันเรื่องนี้นะ อย่างน้อยก็อยากส่งต่อความรัก ส่งต่อความปรารถนาดีออกไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุด เผื่อว่าถ้ามีคนมองเห็นระบบตรงนี้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แล้วอาจรู้สึกกล้าที่จะแสดงความรักออกมาแบ่งปันกับคนอื่นมากขึ้นก็ได้

 

 

ภาพ: รายการ Melody to Masterpiece

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

FYI
  • เพลง It Was A Good Day ของ Ice Cube คือเพลงที่มารีญาเปิดฟังบ่อยที่สุดในวันที่เครียด
  • รายการ Melody to Masterpiece สงครามทำเพลง คือวาไรตี้โชว์ที่มีโจทย์แต่ละสัปดาห์จากแขกรับเชิญ (The Melody) 13 คน ให้ 4 ค่ายเพลงชั้นนำของเมืองไทยอย่าง LOVEiS, SpicyDisc, I AM และ Muzik Move มาร่วมแบตเทิลเพื่อสร้างสรรค์ผลงานทางดนตรี
  • ในแต่ละสัปดาห์จะมีเพียง 2 ทีมที่ได้สิทธิ์ในการทำเพลง โดยผ่านการตัดสินของ The Melody และสุดท้ายจะมี 1 บทเพลงเท่านั้นที่จะได้ตำแหน่ง Masterpiece ประจำสัปดาห์ไปครอง
  • รายการ Melody to Masterpiece ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 21.15 น. ทาง True4U ช่อง 24 และแอปพลิเคชัน TrueID
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X