เรียกว่าไม่สิ้นนักชกหน้าใหม่จริงๆ สำหรับ ‘สังเวียนน้ำดื่มวิตามิน’ เพราะล่าสุดกลุ่มธุรกิจ TCP หรือเครือกระทิงแดง ได้ส่ง ‘แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์’ เข้าสู่ตลาดเป็นแบรนด์ที่ 9 ท่ามกลางการแข่งที่กำลังรุนแรงมากขึ้น อีกทั้ง TCP ยังเชื่อว่าตัวเองไม่ใช่แบรนด์สุดท้าย เพราะยังมีแบรนด์อื่นๆ ที่กำลังต่อคิวจะเข้าอีก
“เราไม่ได้มาช้าไป แม้จะทำเร็วได้ก็ดี แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการออกสินค้าใหม่ เราให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลและสรรหาวัตถุดิบ” ประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP
จริงๆ แล้ว TCP สนใจน้ำดื่มวิตามินมาหลายปีแล้ว แต่ด้วยความที่ตลาดยังเล็กจากการที่ผู้บริโภคยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก จึงศึกษาเรื่อยมา จนกระทั่งเทรนด์สุขภาพมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ตลาดนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด
เดิมมีการประเมินว่าปี 2563 ตลาดน้ำดื่มวิตามินจะมีมูลค่าอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท แต่ที่สุดแล้วข้อมูลจากนีลเส็นระบุว่า ตลาดกลับเติมโตมากกว่าที่ประเมินไว้ 10% เป็นมูลค่า 2,200 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 79% เมื่อเทียบกับปี 2562
ส่วนปี 2564 คาดว่าจะมีมูลค่า 3,500 ล้านบาท เติบโต 59% ซึ่งเฉพาะเดือนมกราคมเดือนเดียวได้เติบโตไปแล้ว 76% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันคาดว่าปี 2565 ตลาดนี้จะเติบโตอีก 43% ไปเป็นตัวเลข 5,000 ล้านบาท
เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคพร้อม โดยเฉพาะการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการดื่มน้ำเปล่าและน้ำแร่มาดื่มน้ำวิตามิน มูลค่าตลาดพร้อม ซึ่งประไพภักตร์ย้ำว่า “ตลาดน้ำดื่มวิตามันยังเป็น Blue Ocean ยังไม่เป็น Red Ocean เพราะยังไม่เห็นการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง” TCP จึงตัดสินใจกระโดดลงมาร่วมวงในสังเวียนนี้ด้วย แต่การจะปั้นแบรนด์ใหม่อาจจะต้องใช้สรรพกำลังมหาศาล ดังนั้น TCP จึงเข้าชกในนาม ‘แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์’ โดยใช้เวลากว่า 1 ปีในการพัฒนาสินค้า
ประไพภักตร์ อธิบายว่า เหตุที่เลือกใช้แบรนด์ ‘แมนซั่ม’ เพราะเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งและขึ้นชื่อเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นแบรนด์อันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งเกือบ 40% ในตลาดแคชวล ฟังก์ชันนัลดริงก์มูลค่า 6,463 ล้านบาท ดังนั้นสิ่งที่จะได้มาในทันทีคือ ‘การรับรู้’ ในเรื่องของแบรนด์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
เพราะหนึ่งในความท้าทายที่สุดของ แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ คือการสร้างการรับรู้ ยิ่งมาเปิดตัวในช่วงก่อนซัมเมอร์ ซึ่งเป็นฤดูขายของเครื่องดื่มทุกชนิด แน่นอนสิ่งที่ต้องเตรียมรับมือคือการโหมโปรโมตจากแบรนด์อื่นๆ ด้วย
ดังนั้นสินค้าใหม่นี้จึงใช้งบ 150 ล้านบาทในการเปิดตัว นอกจากการใช้สื่อ 360 องศาแล้ว ยังมีการแจกสินค้าทดลอง 1 ล้านขวด พร้อมกันนี้ยังได้ตัดสินใจดึง ‘ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล’ มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ ด้วยมีภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ สมาร์ท สุขภาพดี และรู้จักดูแลตัวเองในทุกวัน
เบื้องต้น แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ มีให้เลือก 2 สูตรคือ สูตร Multi-Vitamin ฝาเขียว หอมกลิ่นใบเตย และสูตร Beta-Glucan ฝาแดง ชูจุดเด่นเบต้า-กลูแคนนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้เครื่องหมายการค้า Wellmune มีให้เลือก 2 ขนาดคือ ขนาด 480 มิลลิลิตร ราคา 17 บาท และขนาด 475 มิลลิลิตร ราคา 15 บาท
สาเหตุที่ขนาดต่างกันเพียง 5 มิลลิลิตร แต่ราคาต่างกัน 2 บาท เป็นเพราะราคา 17 บาทนั้นจะถูกจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด ซึ่งราคาดังกล่าวถือเป็นราคาที่ ‘นักชก’ ส่วนใหญ่ในสังเวียนนี้เลือกใช้ ตัวแมนซั่มเองก็รู้ดีกว่าแม้ส่วนผสมจะแตกต่างจากคนอื่นก็จริง แต่หากตั้งราคาที่แพงกว่าก็เป็นการยากที่ลูกค้าจะหยิบมาลอง
ขณะเดียวกันหากจะตั้งในราคาที่น้อยกว่าก็จะกระทบตัวเอง เพราะตัวเบต้า-กลูแคนที่นำเข้านั้นมีราคาที่ค่อนข้างแพง ดังนั้นประไพภักตร์จึงย้ำว่า “นี่เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว” ขณะที่ราคา 15 บาทนั้นจะถูกวางขายผ่านเทรดดิชันนัลเทรด เหตุที่ทำราคาได้ต่ำว่าเพราะมีต้นทุนบางอย่างที่ลดลง
เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ คือ ‘การเข้าไปอยู่ในตู้เย็นของทุกบ้าน’ แม้ราคาจะถือเป็นหนึ่งในความท้าทาย เพราะค่อนข้างห่างจากน้ำดื่มและน้ำแร่อยู่พอสมควร แต่ประไพภักตร์ระบุว่า เรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะผู้บริโภคยุคนี้ต้องการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ซึ่งการดื่มน้ำวิตามินเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดแล้ว
ขณะเดียวยังได้มีการรับมือความท้าทายที่ผู้บริโภคมองว่าการขนส่งเป็นอุปสรรคในการซื้อสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำ ด้วยน้ำค่อนข้างมีน้ำหนัก จึงมีการแก้เกมด้วยการทำโปรโมชันสั่ง 2 ลังขึ้นไปในช่องทางออนไลน์จะส่งฟรี ซึ่งจะเป็นหนึ่งในการเปิดโอกาสให้แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์สามารถเข้าไปอยู่ในตู้เย็นได้ โดยโปรนี้จะทำถึงสิ้นเดือนเมษายน
TCP วางเป้าหมายว่า ภายใน 1 ปี แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์ จะต้องไต่ขึ้นเป็นเบอร์ 3 ด้วยส่วนแบ่ง 15% และหากเป็นไปได้ก็อยากขึ้นเป็นเบอร์ 1 ส่วนจะเมื่อไรนั้น หากเป็นได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในกระแสที่มาแรงในวันนี้คือ ‘เครื่องดื่มกัญชง’ ประไพภักตร์ ยอมรับว่า กลุ่ม TCP เองก็มีการศึกษาอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดนี้ เพราะสิ่งสำคัญคือความปลอดภัยและต้องดูด้วยว่าเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการหรือไม่ หากตอบโจทย์ถึงจะทำ
โอกาสของเศรษฐกิจโลกอยู่ตรงไหน ไทยตกขบวนการฟื้นตัวหรือไม่? บิตคอยน์คือ สินทรัพย์ทางเลือก หรือฟองสบู่ที่รอวันแตก? เราควรปรับพอร์ตอย่างไรเพื่อเติบโตท่ามกลางความตกต่ำ
ร่วมกันค้นหาคำตอบใน THE STANDARD WEALTH FORUM: Catch the Next Curve
สิทธิพิเศษ! ลงทะเบียนรับรหัสจำนวนจำกัด เพื่อเข้าชมถ่ายทอดสดได้ที่ thestandard.co/events
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า