วันนี้ (29 กันยายน) แมนนี ปาเกียว ยอดนักชกชาวฟิลิปปินส์ ที่เตรียมฉลองวันเกิดอายุครบ 43 ปีในช่วงเวลาอีก 3 เดือน ได้ประกาศแขวนนวม ยุติเส้นทางนักมวยอาชีพอย่างเป็นทางการ หลังเขาเตรียมลงสังเวียนเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในปี 2022
โดยเจ้าของแชมป์โลก 8 รุ่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการมวยสากล ได้ประกาศลงโซเชียลมีเดียทางการของเขาเองทุกช่องทาง ด้วยคลิปที่เขากล่าวอำลาสังเวียน พร้อมกับแคปชัน “ลาก่อนมวยสากล”
“แม้ว่าสำหรับผมเอง ผมก็ตกใจกับสิ่งที่ผมได้ทำตลอดมา” ปาเกียวกล่าวในคลิปความยาว 14 นาที
“นักมวยคนเดียวที่คว้าแชมป์โลกตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา และกลายเป็นนักมวยที่อายุมากที่สุดที่คว้าแชมป์โลกรุ่นเวลเทอร์เวต เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
“เป็นเรื่องยากที่ผมจะยอมรับว่าเวลาการเป็นนักมวยอาชีพของผมได้จบลงแล้ว วันนี้ผมประกาศเกษียณอย่างเป็นทางการ ผมไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึง
“ระหว่างที่ผมกำลังแขวนนวม ผมอยากจะขอบคุณผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะคนฟิลิปปินส์ที่สนับสนุน แมนนี ปาเกียว ตลอดมา”
สำหรับ แมนนี ปาเกียว นับเป็นนักมวยคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ถึง 8 รุ่นในประวัติศาสตร์ โดยเขาคว้าแชมป์โลกครั้งแรกในรุ่น 108 ปอนด์ จนก้าวขึ้นไปถึงแชมป์ในรุ่น 154 ปอนด์ หนึ่งในไฟต์ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดของเขาเกิดขึ้นในปี 2015 กับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ที่ทำลายสถิติรายได้ของการแข่งขันด้วยการสร้างรายได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไฟต์เดียว เช่นเดียวกับการขึ้นชกกับนักมวยคู่อริอย่าง ฆวน มานูเอล มาร์เกซ
โดยสถิติการชกตลอดอาชีพของเขาคือ ชนะ 62 แพ้ 8 เสมอ 2 โดยเป็นการชนะแบบ น็อกเอาต์ทั้งหมด 39 ครั้ง ซึ่งปาเกียวนับเป็นหนึ่งในนักชกที่มีฟุตเวิร์กและการออกหมัดที่รวดเร็ว รวมถึงยังเป็นนักมวยที่ได้รับการยอมรับในแง่ของนักชกที่เดินเกมรุกได้น่าเกรงขามมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของกีฬา
บ็อบ อรัม อดีตโปรโมเตอร์ของปาเกียว ครั้งหนึ่งเคยกล่าวว่า “หมัดซ้ายและหมัดขวาของเขามีพลังทำลายล้างคู่ต่อสู้อย่างเท่าเทียมกัน”
โดยช่วงหนึ่งของคลิป ปาเกียวได้ส่งข้อความถึงกีฬาที่ช่วยสร้างตัวเขามาตลอดหลายปีว่า
“ลาก่อนมวยสากล ขอบคุณที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม คุณได้มอบโอกาสที่จะหาทางออกจากความยากจน เพราะคุณ ผมจึงสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก เพราะคุณ ผมจึงมีความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต
“ผมจะไม่มีวันลืมสิ่งที่ผมได้ทำและประสบความสำเร็จในชีวิต ผมไม่สามารถจินตนาการว่าผมเพิ่งได้ยินเสียงระฆังของการจบยกสุดท้ายในอาชีพ”
อ้างอิง: