×

ร่างสองของเป๊ป-ทีเด็ดลูกเซ็ตพีซ-การแข่งในการซ้อม ไขความลับที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ พิชิตพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง

23.05.2022
  • LOADING...
แมนฯ ซิตี้

HIGHLIGHTS

5 mins. read
  • การเล่นสนุกๆ อย่างการแข่งยิงชนคาน แข่งกันโหม่งบอลลงถังขยะ หรือการเล่นเฮดเทนนิส (เทนนิสที่ใช้ศีรษะและเท้าเล่น) และการแข่งอะไรก็ตามแล้วแต่จะนึกขึ้นได้ กลายเป็นการแข่งขันที่จริงจังในระหว่างกลุ่มนักเตะที่จุดประกาย ผ่อนคลาย และทำให้ทีมเป็นหนึ่งเดียวกัน
  • เพราะไม่มีศูนย์หน้า แมนฯ ซิตี้ จึงต้องมองหาประตูชดเชยจากทางอื่น และลูกตั้งเตะก็เป็นสิ่งที่ชดเชยได้เป็นอย่างดีในฤดูกาลนี้
  • เป๊ปในเวลานี้ไม่ใช่กุนซืออัจฉริยะจอมเนิร์ดที่ไม่สู้คนแล้ว เขาเองก็เรียนรู้ Resileint เหมือน เจอร์เกน คล็อปป์ คู่ปรับคนสำคัญเหมือนกัน

ท่ามกลางบรรยากาศในสนามแอนฟิลด์ผสมผสานไปด้วยความเครียดและความกดดัน เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มเมื่อ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตวัดยิงซ้ำลูกที่ โจเอล มาทิป โหม่งชงมาให้ในระยะเผาขนเข้าประตูไป

 

ประตูนี้เป็นประตูที่ทำให้ลิเวอร์พูลแซงนำ 2-1 ประตู ที่อาจทำให้พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์แซงหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลสุดระทึก 2021/22 ได้สำเร็จ

 

แต่ในระหว่างที่ซาลาห์และผองเพื่อนกำลังดีใจสุดชีวิต ก็มีแฟนเดอะค็อปรายหนึ่งชูมือสองข้างขึ้นมาแทนตัวเลข ข้างหนึ่ง ‘3’ อีกหนึ่งข้าง ‘2’ พร้อมกับบอกข่าวร้ายจากสนามเอติฮัดสเตเดียมว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลิกสถานการณ์จากตามหลังแอสตัน วิลลา 2 ประตูกลับมาแซงนำเป็น 3-2 แล้ว โดยทั้ง 3 ประตูเกิดขึ้นในระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 5 นาที

 

5 นาทีแห่งความบ้าคลั่งนี้ดับความหวังของลิเวอร์พูลลงอีกครั้ง ก่อนที่ทีมของ Pep Guardiola จะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษไปครอง โดยเป็นสมัยที่ 8 ในทำเนียบแชมป์ตลอดกาล และเป็นสมัยที่ 6 นับตั้งแต่เข้ายุคพรีเมียร์ลีก

 

มีเพียงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้แชมป์มากกว่า (13 สมัย) โดยที่เป๊ปกลายเป็นคนที่คว้าแชมป์ได้เป็นอันดับที่ 2 ในยุคสมัยนี้ที่ 4 สมัยในระยะเวลา 6 ปี แซงหน้าโคตรกุนซืออย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ และ โชเซ มูรินโญ ที่ได้คนละ 3 สมัยไปแล้ว

 

ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาดูเหมือนทีมของกุนซือชาวสเปนจะแข็งแกร่งขึ้นทุกปี แต่สำหรับปีนี้พวกเขาดูพิเศษมากกว่าปีอื่น เพราะนอกจากจะกลายเป็นทีมที่เกมรับแข็งโป๊กแล้ว รูปแบบวิธีการเล่นของพวกเขาก็แทบจะหาวิธีหยุดไม่ได้เลย

 

อยากรู้ไหมว่าเป๊ปทำอะไรกับทีมนี้? หรือมีอะไรที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมบ้างไหม?

 

นี่คือสิ่งที่ได้ยินมา 🙂

 ​​

การเล่นสนุกกันของนักเตะในช่วงการซ้อม กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยจุดประกายให้แก่ทีม

 

สงครามในสนามซ้อม

ด้วยชื่อเสียงของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เราต่างรู้กันดีอยู่แล้วว่านี่คือยอดโค้ชผู้รักความสมบูรณ์แบบและใส่ใจทุกรายละเอียด เรียกได้ว่าพระเจ้าอยู่ในรายละเอียดอย่างแท้จริง

 

การซ้อมของเป๊ปจะเป็นเซสชันที่เข้มข้น จริงจัง ทุกการเล่นจะต้องถูกต้อง เป๊ะ หากทำไม่ถูกต้องก็จะถูกให้ทำใหม่แบบนั้นจนกว่าจะถูกต้อง ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้นักฟุตบอลเกิดการจดจำเข้าไปจนถึงส่วนลึกที่สุดของสำนึก เรียกได้ว่าการเคลื่อนที่ การตัดสินใจของแมนฯ ​ซิตี้ ที่ยอดเยี่ยมเกิดจากการฝังข้อมูลการเล่นเอาไว้แล้ว


อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาการซ้อมที่เข้มข้นนั้นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป โดยความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือ การที่เป๊ปผ่อนคลายบรรยากาศการซ้อมลงด้วยการปล่อยให้ลูกทีมได้เล่นสนุกกันมากขึ้น

 

และการเล่นกันสนุกๆ ของนักเตะซิตี้นี่เองที่กลายเป็นการจุดประกายที่สำคัญ

 

ย้อนหลังกลับไป ซิตี้ไม่ได้เริ่มต้นฤดูกาลได้ดีนัก พวกเขาประสบปัญหาของตัวเองอยู่ไม่น้อย ไม่นับเรื่องการระบาดของโควิดในช่วงกลางฤดูกาล แต่ในช่วงเวลานั้นเองที่เป๊ปค้นพบว่ากิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ลูกทีมเล่นกันเพื่อผ่อนคลายก่อนช่วงของการซ้อมจริง เป็นเรื่องที่อาจจะช่วยทีมได้

 

การเล่นสนุกๆ อย่างการแข่งยิงชนคาน แข่งกันโหม่งบอลลงถังขยะ หรือการเล่นเฮดเทนนิส (เทนนิสที่ใช้ศีรษะและเท้าเล่น) และการแข่งอะไรก็ตามแล้วแต่จะนึกขึ้นได้ กลายเป็นการแข่งขันที่จริงจังระหว่างกลุ่มนักเตะ

 

เพียงแต่ยิ่งแข่งกันมากเท่าไร ความสนุกสนาน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และการล้อเลียนกัน ก็ยิ่งสานสัมพันธ์ในทีมให้ดียิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นการละลายพฤติกรรมได้อย่างยอดเยี่ยม และในเวลาเดียวกันก็ช่วยทำให้พวกเขาเกิดไฟในการต่อสู้ลุกโชนตลอดเวลา รวมถึงยังมั่นใจว่าไม่ว่าเผชิญกับสถานการณ์ลำบากขนาดไหน พวกเขาก็จะช่วยกันจนคว้าชัยชนะได้แน่นอน

 

ในเวลาเดียวกันเป๊ปเองก็ได้สังเกตเห็นรายละเอียดอะไรบางอย่างจากการเล่นของเด็กๆ เหล่านี้ เช่น ไคล์ วอล์เคกอร์ จะชอบตะโกนสั่งการ หรือ ฟิล โฟเดน จะชอบเวลาเล่นอะไรก็ตามที่ต้องจับบอลสองจังหวะ เพราะมันจะช่วยให้ได้สัมผัสกับลูกบอล

 

เรียกว่าชัยชนะของแมนฯ ซิตี้ นั้นเกิดตั้งแต่ในสนามซ้อมแล้วก็ว่าได้

 

ฤดูกาลนี้ลูกเซ็ตพีซกลายเป็นทีเด็ดของแมนฯ ซิตี้

 

ไม่มีกองหน้า? ใช้ลูกเซ็ตพีซแทน

หนึ่งในเรื่องที่น่าเหลือเชื่อในความสำเร็จของแมนฯ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ 2 สมัยติดคือ การที่พวกเขาทำได้ทั้งที่ไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าอาชีพในทีม

 

ความจริงก็ไม่ถึงกับไม่มี แต่ในฤดูกาลที่แล้ว เซร์คิโอ อเกวโร บาดเจ็บเกือบตลอดทั้งฤดูกาลก่อนอำลาทีมไป ขณะที่ในฤดูกาลนี้ซิตี้พลาดหวังการได้ตัว แฮร์รี เคน ขณะที่กองหน้าจริงๆ ที่มีในทีมอย่าง กาเบรียล เชซุส ก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ดีพอสำหรับบทบาทนี้


นั่นทำให้เป๊ปพยายามแก้ปัญหาด้วยการทำให้ซิตี้เป็นทีมที่ไม่จำเป็นต้องเล่นโดยใช้กองหน้า แต่สามารถใช้บรรดาตัวรุกในทีมสลับกันขึ้นมาเล่นได้ไม่ว่าจะเป็น ฟิล โฟเดน, ราฮีม สเตอร์ลิง, แจ็ก กรีลิช หรือแม้แต่ เควิน เดอบรอยน์ ในบางนัด ซึ่งได้ผลอย่างน่ามหัศจรรย์

 

แต่หากจะมองลงไปในรายละเอียดแล้ว สิ่งที่เป๊ปทดแทนการขาดหายของศูนย์หน้าหนึ่งคนในฤดูกาลนี้คือ การที่พวกเขาไปเน้นกับเรื่องของการได้ประตูจากลูกเซ็ตพีซแทน


คนที่มีความสำคัญอย่างมากคือ คาร์ลอส วิเซนส์ โค้ชทีมรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ได้รับการโปรโมตขึ้นมาแทนโค้ชเซ็ตพีซคนเดิมอย่าง นิโคลาส โจเวอร์ ที่ย้ายไปอาร์เซนอล

 

คาร์ลอสได้รับบทบาทในทีมชุดใหญ่ และกลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีม เพราะเป็นคนที่ช่วยยกระดับการเล่นลูกตั้งเตะของทีมให้ดีขึ้นไปอีกขั้น

 

ซิตี้ได้ประตูจากลูกตั้งเตะในฤดูกาลนี้ถึง 22 ประตูในพรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นจำนวนที่เกือบเท่ากับที่ดาวซัลโวร่วมอย่างซาลาห์ และ ซนฮึงมิน ทำได้ 23 ประตูตลอดฤดูกาล โดยในจำนวนนี้เป็นประตูจากลูกเตะมุม 15 ประตู และ 7 ประตูจากลูกฟรีคิก

 

โดยที่นอกจากจะยิงได้แล้ว พวกเขาก็ยังเสียประตูจากลูกตั้งเตะยากขึ้นมากด้วย โดยตลอดทั้งฤดูกาลเสียประตูจากลูกตั้งเตะแค่ลูกเดียวเท่านั้น น้อยที่สุดในลีก

 

ความเชื่อใจ ความเข้าใจ ความไว้ใจ ที่เป๊ปมีให้แก่ลูกทีม คือหนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จ

 

ร่างสองของเป๊ป

ภาพที่หลายคนจำแมนฯ ซิตี้ คือทีมที่สมบูรณ์แบบ มีนักฟุตบอลระดับอัจฉริยะในทุกตำแหน่ง และมีเงินทองให้ใช้มากมายก่ายกอง โดยที่ก็ไม่มีหน่วยงานไหนคิดจะจำกัดอำนาจทางการเงินของพวกเขาอย่างจริงจังด้วย

 

แต่เอาเข้าจริงในฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ เผชิญปัญหาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก

 

ปัญหาแรกที่เกิดขึ้นคือ อาการงอแงคิดถึงบ้านของ แบร์นาโด ซิลวา มิดฟิลด์ตัวทำเกมจอมพลิ้วชาวโปรตุเกสที่ติดแหง็กไปไหนไม่ได้เพราะโควิด และทำให้คิดที่จะย้ายออกจากสโมสรไปให้เสียพ้นๆ โดยที่มีหลายสโมสรอยากจะได้ตัวไปร่วมทีม


เพราะรู้ถึงความสำคัญของนักเตะรายนี้ ที่หากกลับคืนฟอร์มเก่งได้เหมือนในช่วงก่อนโควิดแล้ว แบร์นาโดคือคนที่สามารถพาทีมไปสู่ความสำเร็จได้เลย ทำให้เป๊ปตัดสินใจขอเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว ก่อนที่จะรั้งตัวไว้ได้สำเร็จ

 

จากที่คิดจะย้ายทีม แบร์นาโดเปลี่ยนใจฮึดสู้ และกลายเป็นกำลังสำคัญตลอดฤดูกาล เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสรเลยก็ได้ในปีนี้ โดยที่เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น สตาร์ชาวโปรตุเกสก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตเดินทางไปไหนมาไหนกับอิเนส แฟนสาว และจอห์น สุนัขตัวโปรด (ตั้งชื่อตาม จอห์น สโตนส์ เพื่อนรัก…) รวมถึงไปกินอาหารในภัตตาคารเลบานอนสุดโปรด Comptoir Libanis ทำให้ตอนนี้กลับมาแฮปปี้เต็มที่อีกครั้ง

 

แต่แบร์นาโดไม่ใช่คนเดียวที่มีปัญหา ยังมีกรณีของ ราฮีม สเตอร์ลิง, อายเมอริค ลาปอร์ต ที่หนักไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เพียงแต่เป๊ปรับมือกับทุกคนได้เป็นอย่างดี รวมถึงในรายนักเตะตัวแสบอย่างโฟเดนและกรีลิชที่ชอบแอบเที่ยว เมื่อถูกจับได้ก็พร้อมงัดไม้เรียวฟาดทันทีด้วยการแบนห้ามลงสนาม 2 นัดในช่วงบ็อกซิ่งเดย์


ความจริงในช่วงต้นฤดูกาลตัวเป๊ปเองก็เจอช่วงสติแตกเหมือนกัน โดยเฉพาะหลังจากที่พ่ายคริสตัล พาเลซ คาบ้าน 0-2 ซึ่ง เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บแผลเก่าที่ข้อเท้าในเกมนั้น เป๊ปเกิดระเบิดอารมณ์ออกมาในเกมกับคลับ บรูกก์ ว่า “ผมทำไม่ไหวอีกแล้ว” จนช็อกลูกทีม

 

แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นเป๊ปเหมือนตั้งสติตัวเองได้และค่อยๆ ดึงสติลูกทีม และหลังเอาชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 2-0 พวกเขาก็ค่อยๆ ตั้งหลักและเก็บชัยชนะ 12 นัดรวดในลีกจนนำจ่าฝูงได้ในที่สุด และกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมพลิกสถานการณ์มาเป็นแชมป์อีกครั้ง แทบไม่ต่างจากในฤดูกาล 2020/21

 

ที่สำคัญคือ เป๊ปในเวลานี้ไม่ใช่กุนซืออัจฉริยะจอมเนิร์ดที่ไม่สู้คนแล้ว เขาเองก็เรียนรู้ Resileint เหมือน เจอร์เกน คล็อปป์ คู่ปรับคนสำคัญ ซึ่งจะสังเกตได้จากในวันที่พวกเขาแพ้ลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศเอฟเอคัพ หรือในวันที่พ่ายต่อเรอัล มาดริด แบบสุดช็อกในรอบรองชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป๊ปสามารถนำทีมกลับมาคว้าชัยชนะได้ จนสุดท้ายอย่างน้อยก็ได้แชมป์ลีกมาครองหนึ่งรายการในปีนี้

 

เรียกได้ว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แมนฯ ซิตี้ และเป๊ป ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อยเหมือนกันในการสร้างทีมฟุตบอลที่ใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบที่สุด 

 

และน่าจะเป็นทีมเดียวที่จะสามารถสยบ ‘Mentality Monster’ อสูรกายในเสื้อสีแดงอย่างลิเวอร์พูลที่ร้ายกาจขึ้นทุกปีได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เป๊ปมีความสุขกับแชมป์สมัยนี้มากกว่าสมัยไหน 

 

เพราะมันได้มาอย่างยากลำบาก และมันเกิดขึ้นได้เพราะเขาและทุกคนในทีมร่วมแรงร่วมใจกันอย่างแท้จริง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising