การทำความสะอาดน้องชายมักไม่ได้มีการสอนกันเท่าไรในการศึกษาไทยสมัยดั้งเดิม ทั้งที่เป็นอวัยวะสำคัญและมีความหมายสำหรับผู้ชายทุกคนตั้งแต่วัยเด็ก วัยสืบพันธุ์ คนโต คนชรา โดยทั่วไปผู้ชายจะต้องใช้น้องชายทุกวันเพื่อขับถ่ายปัสสาวะ รวมทั้งใช้สำหรับสืบพันธุ์ หลายครั้งคนเราก็ใช้น้องชายเพื่อความบันเทิงส่วนตน ปัจจุบันคนอาจจะศึกษากันจากเว็บไซต์และสื่อต่างๆ เช่น ยูทูบ นักรีวิว ถามจากเพื่อน ถามจากคนรู้จัก ซึ่งบางครั้งก็ถูกต้อง บางครั้งก็อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
น้องชายของผู้ชายทั่วไปจะประกอบด้วย ส่วนหัว ส่วนลำตัว และส่วนฐานที่มีไข่สองลูก อันที่จริงฐานที่มีไข่นั้นคือต่อมอัณฑะ อันเป็นต่อมฮอร์โมนเพศชาย ผลิตสารที่ส่งผลต่อการทำงานและการเจริญเติบโตของร่างกาย ตั้งแต่เด็กจนโตส่วนหัวจะเป็นเนื้อเยื่อบุที่คล้ายๆ กับเนื้อเยื่อช่องปาก มีรูสำหรับท่อปัสสาวะ และไว้คอยหลั่งสาร หลั่งอสุจิที่เป็นเซลล์สืบพันธุ์ ผู้ชายจึงมีรูเดียวที่ใช้ร่วมกันในการส่งสารหลายชนิดออกสู่ร่างกาย ต่างกับผู้หญิงที่มีการแยกรูปัสสาวะกับช่องคลอดเป็นคนละรูกัน
ส่วนหัวที่มีรูนี้ เนื้อเยื่อจะคล้ายกับบริเวณทวารอื่นๆ ส่วนลำตัวจะเป็นผิวหนัง น้องชายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผิวหนังส่วนลำตัวมักมีสีคล้ำกว่าผิวหนังร่างกายส่วนอื่น เพราะเป็นบริเวณที่มีการกระจายของเม็ดสีในลักษณะที่ทำให้คล้ำ และเป็นบริเวณที่เอาไว้รองรับการเสียดสีหรือการกระแทก เม็ดสีบริเวณใกล้ต่อมเพศยังจะมีปฏิกิริยาตอบสนองไวต่อฮอร์โมนเพศ จึงทำให้มีการแสดงออกของสีไปทางคล้ำได้ด้วย
และต่อไปนี้คือการดูแลทำความสะอาดน้องชายที่จะกินความถึงการดูแลความสะอาดและการดูแลทั่วไป
- ไม่ควรล้างน้องชายบ่อย การล้างที่เหมาะสมคือล้างวันละ 1-2 ครั้ง โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้อง หากใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อนจะทำให้น้องชายระคายเคือง อาจมีผื่นผิวหนังอักเสบตามมาได้ หากจะล้างโดยใช้น้ำเปล่าหรือสารทำความสะอาดที่เหมาะสมร่วมด้วยก็สามารถทำได้
- กรณีที่น้องชายมีกลิ่นไม่สะอาดหรือหมักหมม สามารถเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ ซึ่งมีทั้งชนิดเป็นของเหลวและเป็นโฟม แต่ควรมีความสมดุลระหว่างกรดและด่างอย่างเหมาะสม และควรมีส่วนผสมของสารสกัดจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ ที่ช่วยลดอาการระคายเคือง แห้ง แสบ ทั้งยังต้องไม่มีสารอันตราย ไม่มีสารกันบูด ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารก่อการแพ้ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอาการคันหรืออาการแพ้ได้ ที่สำคัญต้องผ่านการจดทะเบียน อย.
- เวลาปัสสาวะไม่ควรล้างน้ำหรือฉีดน้ำล้างทุกครั้ง เพราะจะทำให้ระคายเคืองดังที่กล่าวไปและทำให้อับชื้นได้ หากปัสสาวะแล้วต้องการทำความสะอาด แนะนำการซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ที่หนานุ่มจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย
- ไม่ควรใส่กางเกงที่คับเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นและเสียดสีมากจนถลอก และอาจเป็นโรคผิวหนังตามมาได้
- ใส่กางเกงในที่เป็นผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ ไม่ร้อนหรืออับชื้น เพราะผ้าบางชนิดอาจส่งผลให้ผิวหนังบริเวณน้องชายแพ้ได้
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ จนทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียตัวร้าย และอาจส่งผลให้ลำกล้องเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ และในผู้ใหญ่ควรดื่มน้ำสะอาดวันละ 2 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้มีการไหลเวียนเลือด การกรองของไต และการขับถ่ายปัสสาวะที่เหมาะสม
- หากจะมีเพศสัมพันธ์ ควรมีการป้องกันทุกครั้งโดยใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรค ยกเว้นกับแฟนที่เป็นลักษณะคู่นอนคนเดียว และตรวจเลือดทั้งสองฝ่ายแล้วว่าปลอดภัยต่อการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน (ยังเป็นการระวังเรื่องของการตั้งครรภ์ขณะไม่พร้อมด้วย) ที่ผ่านมาหมอพบเจอการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน และทำให้เกิดโรคผิวหนัง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตามมา ซึ่งมักเกิดจากการมีคู่นอนมากกว่า 1 คนขึ้นไป สำหรับโรคที่พบบ่อย ได้แก่ หนองในเทียม, หนองในแท้, ฝีมะม่วง, หูดหงอนไก่, หูดทั่วไป, เอดส์, โรคไวรัสตับอักเสบประเภทซีและประเภทบี และซิฟิลิส ฯลฯ
- การใช้ครีมบำรุงหรือสารหล่อลื่นที่ช่วยให้ไม่บาดเจ็บเวลาออกรบ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. หลายคนถามเรื่องน้ำลายแทนสารหล่อลื่น โดยทั่วไปหากทั้งคู่ไม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และยืนยันว่าสุขภาพปกติก็สามารถใช้ได้ แต่อาจไม่ได้ไร้กลิ่นโดยสิ้นเชิง และไม่ดูสะอาดเท่ากับครีมบำรุงหรือสารหล่อลื่น
- ไม่ฉีดหรือทาสารที่ขาดการรับรองความปลอดภัย เพราะจะทำให้น้องชายอักเสบและเน่าได้ ส่วนยาเพิ่มขนาดด้วยการรับประทานที่เห็นโฆษณากันอยู่นั้นต้องระวังเรื่องการผสมของยาขยายหลอดเลือด (ไวอากร้า) ที่ส่งผลต่อการทำงานหัวใจ รวมถึงการผสมสารเสพติด สารกระตุ้นการทำงานร่างกายมากเกินไป แทนที่จะช่วยบำรุงน้องชายก็อาจทำให้เจ้าภาพน็อกกลางคันได้
- ไม่ต้องอาย หากมีปัญหาน้องชายให้พบแพทย์ทันที หลายคนมีปัญหา เช่น บวม แดง เจ็บ ปัสสาวะแสบขัด ซึ่งหากปล่อยให้เรื้อรังอาจมีผลทางลบต่อสุขอนามัย บางคนเป็นโรคติดต่อร้ายแรงแล้วไม่รักษาจนแพร่เชื้อให้คนอื่นได้อีก และในระยะยาวก็สามารถติดเชื้อและลามไปยังอวัยวะสำคัญๆ ได้ เช่นกรณีของซิฟิลิสที่เมื่อไม่รักษาก็อาจจะลามไปกินหัวใจ ลามไปกินสมองได้ บางคนล้างน้องชายบ่อยจนถลอก แดง คัน แพ้ และคิดว่าตนเองเป็นสังคัง แต่ยิ่งล้างยิ่งไม่หาย บางคนมีเส้นสองสลึงดึงรั้งน้องชายมากจนทำให้ใช้การได้ไม่ค่อยดี แต่ไปแก้ไขเองด้วยวิธีที่ผิดๆ ก็ส่งผลให้น้องชายอักเสบมากกว่าเดิมได้
ดังนั้นหากมีปัญหาเกี่ยวกับน้องชายก็ควรพบแพทย์ เพราะสามารถรักษาได้ตรงวิธีมากกว่า ผลข้างเคียงจะน้อย และได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ารักษาเอง หากใครอายที่จะต้องให้คนอื่นมาเห็นของลับ ก็ขอให้คิดเสียว่าแพทย์ส่วนใหญ่รักษาคนไข้ เห็นน้องชายของคนไข้มาเยอะมาก ไม่สามารถจำได้ว่าหรอกว่าน้องชายใครเป็นของใคร… สบายใจได้ครับ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์