×

ยักษ์ค้าปลีกโดดรุมร้านโชห่วย! แม็คโครเร่งสปีด ‘บัดดี้มาร์ท’ ตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 2,000 แห่งภายในปี 66 เคาะราคาลงทุนเริ่ม 4 แสนบาท

28.10.2022
  • LOADING...
บัดดี้มาร์ท

ยักษ์ค้าปลีกกระโดดรุกตลาดโชห่วย ปั้นร้านโมเดลใหม่ ยกทัพสินค้าอุปโภคบริโภค-อาหารแช่แข็ง รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ หวังเป็นช่องทางใหม่สร้างรายได้ระยะยาว  

 

เช่นเดียวกับแม็คโคร ธุรกิจที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงของร้านโชห่วยมากว่า 33 ปี ปัจจุบันมีฐานลูกค้ามากกว่า 5 แสนราย ล่าสุดได้พัฒนาร้านโมเดลบัดดี้มาร์ท (Buddy Mart) เมื่อช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา แล้วเริ่มรุกตลาดอย่างจริงจังด้วยการนำโมเดลใหม่ไปเปิดตัวในตลาดนัดโชห่วยที่เมืองทองธานี ตามด้วยการจัดโรดโชว์ตามหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด 

 

เอกพล คูสุวรรณ ผู้จัดการโครงการบัดดี้มาร์ท บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดค้าปลีกในไทยมีแนวโน้มเติบโตขึ้น ไม่เพียงแต่รายใหญ่เท่านั้น แต่ในฝั่งร้านโชห่วยก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ช่วยขับเคลื่อนตลาด 

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ปัจจุบันภาพรวมตลาดค้าปลีกไทยมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นร้านค้าดั้งเดิมหรือร้านโชห่วยประมาณ 45-47% นอกจากนั้นเป็นโมเดิร์นเทรดและค้าปลีกออนไลน์ 50% ซึ่งในช่วงโควิดโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลเข้ามาช่วยกระตุ้นยอดขายให้ร้านโชห่วยเติบโต 30-35% ขึ้นอยู่กับพื้นที่ขาย 

 

ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาบริษัทได้ศึกษาการตลาดพบว่า ร้านโชห่วยต้องเจออุปสรรครอบด้าน ได้แก่ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่มากขึ้น, การปรับตัวของกลุ่มสินค้าและการบริการไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า, ไม่มีสภาพคล่องเข้าถึงแหล่งทุน, ขาดการบริหารจัดการร้านให้น่าสนใจ และไม่มีผู้สืบทอดกิจการ

 

ทั้งนี้ มองว่าร้านโชห่วยไม่ได้ล้มหายตายจากไปจากตลาด เพียงแค่ปรับตัวช้าเท่านั้น ดังนั้นบริษัทจึงพัฒนาโมเดลร้านค้าปลีก บัดดี้มาร์ท (Buddy Mart) เข้ามาช่วยเสริมแกร่งร้านโชห่วยภายใต้แนวคิด ‘ครบ คุ้ม เพื่อนคู่ใจชุมชน’ ให้มีการเติบโตมากขึ้น โดยบริษัทได้ใช้ความเชี่ยวชาญของแม็คโครที่มีฐานข้อมูล Big Data เข้ามาผสานและเชื่อมต่อกับร้านค้า ทั้งยังเน้นอัตลักษณ์ความเป็นเจ้าของเดิม เพียงแต่บัดดี้มาร์ทจะเข้ามาช่วยการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น 

 

ปัจจุบันสยามแม็คโครได้ทยอยเปิดร้านคู่ค้าบัดดี้มาร์ทไปแล้ว 25 ร้านค้า หลังจากเปิดให้บริการมียอดายเพิ่มขึ้น 40% จากเดิมที่มียอดขายเริ่มต้น 2,000 บาทต่อวัน และขณะนี้อยู่ระหว่างการทำสัญญาอยู่จำนวน 200 ร้านค้า ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดโซนภาคอีสาน คาดการณ์ว่าปลายปี 2565 จะเปิดได้ทั้งหมด 300 ร้านค้า ปัจจุบันเริ่มมียอดขายโตเฉลี่ย 10% สินค้าขายดี ได้แก่ อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่ม 

 

สำหรับแผนการเติบโตของบัดดี้มาร์ทต่อจากนี้มีเป้าหมายจะเปิดให้เพิ่มจำนวน 2,000 ร้านค้าภายในสิ้นปี 2566 สำหรับคุณสมบัติของคู่ค้าหลักๆ พิจารณาจากพื้นที่เป็นส่วนสำคัญ โดย 1 ตำบลจะเปิดได้เพียง 1 ร้านเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดการแข่งขันระหว่างร้านค้า และต้องมีความสนใจในการทำธุรกิจค้าปลีก มีใจรักบริการ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

 

สำหรับบัดดี้มาร์ทมีทั้งหมด 3 โมเดล ประกอบด้วย พื้นที่ขนาดเล็ก พื้นที่ 48 ตารางเมตรขึ้นไป ตามด้วยขนาดกลาง พื้นที่ 50-100 ตารางเมตร และขนาดใหญ่ พื้นที่ 100 ตารางเมตรขึ้นไป เริ่มต้นลงทุน 4 แสนบาท โดยแบ่งเป็นค่าประกันสัญญา 2 แสนบาท และปรับปรุงร้านค้า 2 แสนบาท 

 

และขณะนี้มีการจัดโปรโมชันส่วนลด 2 แสนบาท ถึงสิ้นปี 2565 มีระยะสัญญา 3 ปี โดยบัดดี้มาร์ทจะลงทุนให้คู่ค้าประมาณ 1.5 ล้านบาท เพื่อใช้วางระบบ POS ระบบการบริหารจัดการร้าน ช่องทางชำระเงิน E-Payment ตามด้วยอุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้านจะมีการสลับปรับเปลี่ยนกันไป 20,000 รายการ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและเครื่องดื่มต่างๆ จากพันธมิตร ทั้งไทยน้ำทิพย์ ยูนิลีเวอร์ P&G และเนสท์เล่ 

 

รวมไปถึงการบริการอาหารสดแช่แข็งกว่า 2,000 รายการ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และตู้กดเครื่องดื่มกาแฟอัตโนมัติ โดยในอนาคตวางแผนเพิ่มสินค้าชุมชนภายในร้าน ควบคู่กับการนำเครื่องมือการทำตลาด ซึ่งมาจากการวิเคราะห์พฤติกรรมการจับจ่ายผู้บริโภค มาช่วยจัดโปรโมชันให้ตรงกับความต้องการให้ได้ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และเป็นการสร้างทราฟฟิกให้ร้านอย่างต่อเนื่อง

 

ที่สำคัญบัดดี้มาร์ทเตรียมพนักงานเข้ามาเสริมความรู้ด้านการขายผ่านการทำเทรนนิ่งผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมกับการจับมือกับพันธมิตรการเงิน ธนาคารกรุงเทพ เปิดให้คู่ค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยปล่อยสินเชื่อสูงสุด 100% มีระยะผ่อนชำระ 5 ปี  

 

ต้องยอมรับว่าการทำตลาดไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะมีอุปสรรครอบด้าน จากที่บริษัทได้ศึกษา ร้านค้าที่เปิดแล้วไปไม่รอดส่วนใหญ่มาจากปัญหาข้อจำกัดของสินค้าที่ไม่มากพอต่อความต้องการ และการบริการจัดการภายในร้าน

 

ดังนั้นแม็คโครจึงต้องนำประสบการณ์การทำตลาดด้วยกลยุทธ์เชิงรุก พร้อมทีมงานให้คำปรึกษาจากสาขาแม็คโครทั้ง 147 แห่ง ใน 69 จังหวัดทั่วประเทศ มาช่วยสนับสนุนร้านบัดดี้มาร์ทให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ร้านโชห่วยในชุมชนอยู่รอดได้ รวมถึงการมีระบบการจัดการสต๊อกและการสั่งซื้อสินค้า มีรถส่งของเข้าไปส่งที่ร้าน 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำให้เจ้าของร้านสะดวกสบาย ไม่ต้องใช้เวลาบริหารจัดการมากเท่าเดิม 

อย่างไรก็ตาม แม้ในตลาดดังกล่าวจะมีการแข่งขันสูง แต่ถ้าเรารู้จักจุดแข็งของตัวเอง ถือว่าเป็นสิ่งที่ได้เปรียบและมีแนวโน้มประสบความสำเร็จได้ในอนาคต

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X