สำหรับมนุษย์ผู้รักการอยู่ติดบ้าน (และผู้ที่ไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน แต่รักบ้านเหลือเกิน) ได้เวลาลุกขึ้นมาสร้างสัมผัสใหม่ๆ ให้กับบ้านของคุณแล้ว หลังจากทิ้งตัวปล่อยบ้านให้รกไปด้วยถุงขยะหรือเสื้อผ้าเค็มที่ยังไม่ได้ซักตลอดช่วงปาร์ตี้ปีเก่า จะดีสักแค่ไหนกันถ้าคุณสามารถมีวิธีรังสรรค์กลิ่นในบ้านให้หอมฟุ้ง ต้อนรับศักราชใหม่อย่างสดชื่น
แค่สเปรย์กำจัดกลิ่นหรือลูกเหม็นในตู้เสื้อผ้าของคุณอาจไม่เพียงพอ THE STANDARD ขอแนะนำวิธีทำบ้านให้หอมอย่างยั่งยืน เพื่อบ้านหรือห้องที่คุณรัก
Open Widely
คุณควรเปิดหน้าต่างทุกบานในทุกๆ ห้องของคุณสักครั้งหนึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 15-20 นาทีต่อวัน คุณอาจไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนี้ หากคุณเป็นคนกลัวฝุ่นหรือไม่วางใจกับมลภาวะข้างนอกบ้าน แต่การที่คุณหมั่นเปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในบ้านให้ลมโชยเข้ามาบ้างก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะที่ควร (โดยเฉพาะลมหนาว) เพื่อเป็นการไล่กลิ่นไม่พึงประสงค์และความชื้นออกไปจากห้องบ้าง ทั้งนี้ยังรวมไปถึงการที่คุณอาบน้ำอุ่นในหน้าหนาว หลังจากอาบน้ำเสร็จคุณควรเปิดประตูห้องน้ำทิ้งไว้เพื่อระบายความชื้นและไอน้ำ เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดเชื้อราได้
Downsize Your Trash
ถ้าคุณเป็นคนขี้เกียจที่จะต้องรวบถุงขยะใหญ่ๆ ไปทิ้ง คุณก็เพียงเปลี่ยนขนาดถังขยะให้เล็กลง (ว่าไงนะ?) พอขนาดถังขยะคุณเล็กลง ขยะเต็มเร็วขึ้น คุณก็จะต้องบังคับตัวเองให้ไปทิ้งบ่อยครั้งขึ้น เรื่องนี้คุณอาจต้องเปลี่ยนนิสัยตัวเองสักหน่อย และอีกอย่าง การเปลี่ยนไซส์ถังขยะให้เล็กลงก็เป็นการหลีกเลี่ยงการหมักหมมของขยะที่อาจจะก่อให้เกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์อีกด้วย เริ่มต้นจากเรื่องง่ายๆ ก็ช่วยให้บ้านคุณไร้กลิ่นเหม็น
Plants is the Best
การที่คุณมีต้นไม้สักต้นไว้ในบ้าน มันคือตัวส่งเสริมสภาพแวดล้อมชั้นเลิศ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความชื้นไม่ให้บ้านแห้งผากเกินไปแล้ว ยังเป็นการช่วยรักษาสมดุลความชื้นให้พอเหมาะพอควร คุณลองหาพลูด่างสักต้นมาไว้แถวริมหน้าต่างเพื่อเพิ่มความสดชื่น ทั้งพลูด่างยังจะช่วยลดฝุ่นและเชื้อราในอากาศ เรียกได้ว่าเป็นตัวกรองอากาศชั้นดีจริงๆ
Spray your sheets
หากคุณไม่สามารถจะยกเตียง ฟูก เบาะ หรือโซฟาออกไปตากแดดได้ เราแนะนำให้คุณหาสเปรย์กำจัดกลิ่นสักขวดมาฉีดพรมลงไปเพื่อกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่ถ้าหากอยากทำเองได้ง่ายๆ ก็เพียงแค่หาน้ำมันหอมระเหยที่ชอบสักกลิ่นมาผสมกับน้ำและเบกกิ้งโซดา เขย่าให้เข้ากันแล้วบรรจุน้ำนั้นลงในกระบอกน้ำรีดผ้าเหลือใช้ ฉีดพ่นลงไปบางๆ ก็ช่วยขจัดกลิ่นได้เช่นกัน
Keep Kitchen Clean
อีกส่วนหนึ่งของบ้านที่ประสบปัญหากลิ่นไม่แพ้ห้องอื่นคงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ ‘ห้องครัว’ หากคุณเป็นคนทำกับข้าวบ่อย โชว์สกิลรสมือให้คนในครอบครัวทานบ่อยๆ คุณมักจะเคยเจอปัญหาไขมันจากการทอด การอบ การผัดเหล่านั้น กระเด็นเต็มบริเวณทำครัว เราแนะนำให้คุณเลือกน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนประกอบของซิตรัสเพื่อขจัดความมัน หรือถ้าอยาก Do It Yourself เราแนะนำให้คุณนำเลมอนสัก 3-4 ลูกมาผ่าครึ่ง แล้วถูมันลงไปบนคราบและเช็ดออกด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำอุ่น แค่นี้ก็เหมือนครัวใหม่แล้ว!
Find Your Scents
ค้นหากลิ่นที่ชอบและความรู้สึกที่ใช่จากของจำพวกเครื่องหอม ตั้งแต่ถุงดอกไม้หอมน่ารักๆ ก้านไม้หอม ไปจนถึงเทียนหอมขนาดพอเหมาะ นี่คือสิ่งที่จะช่วยให้บ้านของคุณหอมขึ้นได้อย่างทันทีทันควัน ทั้งหาซื้อได้ง่าย แถมคุณยังสามารถเลือกกลิ่นที่ชอบได้อีกด้วย เราขอแนะนำถุงเครื่องหอมของ Karmakamet World ก็น่าสนใจ หรือจะลองเทียนหอมที่มีกลิ่นของมะเดื่อฝรั่งและวอลนัตแห้งอย่าง Pure ของ Habitat ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หรือถ้าขี้เกียจหาอะไรวุ่นวาย การบูรหรือใบเตยหอมสักกำวางไว้ตรงมุมโปรดภายในบ้านก็เป็นกลิ่นที่น่าพึงพอใจ
การเปลี่ยนแปลงเพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปีนี้ เริ่มต้นได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ทำบ้านของคุณให้หอมขึ้น สดชื่นขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมสัมผัสใหม่ๆ ให้กับคุณและสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยลดปัญหามลภาวะภายในบ้านทั้งจากขยะ ความชื้นหรือเชื้อราได้อีกด้วย
ว่าแต่ตอนนี้กลิ่นในห้องของคุณเป็นอย่างไร?
อ้างอิง:
- www.popsugar.com/home/How-Make-Your-Home-Smell-Good-44347405?stream_view=1#photo-44347629
- www.goodhousekeeping.com/home/cleaning/a32532/make-your-home-smell-good
- www.babios.co.uk/blogs/the-following-fragrance-tips-will-make-your-home-smell-amazing
- ลองนำเอาเครื่องหอมแบบถุงไปใส่ในตู้เสื้อผ้าที่มีผ้าลินินแขวนอยู่ เมื่อทุกครั้งที่คุณเปิดประตูคุณจะตกตะลึงกับกลิ่นที่หอมมากขึ้น เพราะผ้าลินินคือตัวนำกลิ่นชั้นดี
- หรือถ้าอยากให้หอมกว่านั้น ลองนำน้ำหอมกลิ่นที่ชอบฉีดหรือหยดลงบนม้วนกระดาษทิชชู่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอาหาร หรือในห้องนอน เพื่อเพิ่มจุดกระจายกลิ่นให้บ้านหอมยิ่งขึ้น