ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN, บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR และ บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ (6 กรกฎาคม) หลังการประกาศดีลเข้าซื้อกิจการ SF โดย CPN ซึ่งขั้นแรกได้เข้าซื้อหุ้นต่อจาก MAJOR จำนวน 647.15 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30.36% คิดเป็นมูลค่า 7,765.90 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ MAJOR จะได้รับเงินจากการขายหุ้นครั้งนี้ แต่ราคาหุ้น MAJOR กลับปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปิดการซื้อขายช่วงเช้าอยู่ที่ 22 บาท ลดลง 2.35 บาท หรือ 9.31%
ขณะที่หุ้น CPN ซื้อขายที่ 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท หรือ 1.93% และหุ้น SF ซื้อขายที่ 11.50 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 0.86% ซึ่งต่ำกว่าราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ที่ระดับ 12 บาท
เมื่อวานนี้ (5 กรกฎาคม) CPN ได้ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้ทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของ SF จาก บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป หรือ MAJOR ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SF
CPN จะเข้าซื้อหุ้นต่อจาก MAJOR ทั้งหมด 647.15 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30.36% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SF ในราคาซื้อขายหุ้นละ 12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 7,765.90 ล้านบาท และจะลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นภายใน 30 วันนับแต่วันที่บันทึกข้อตกลงซื้อขายหุ้นลงนามแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2564
ภายหลังการเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้นเสร็จสิ้น CPN ทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SF ในราคาเดียวกันกับราคาซื้อขายตามสัญญาซื้อขายหุ้นที่ราคาหุ้นละ 12 บาท ภายในวงเงินประมาณ 17,817 ล้านบาท ทำให้การเข้าซื้อกิจการ SF ในครั้งนี้ CPN ใช้เงินไปรวมกันราว 25,583 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน CPN ระบุว่า ภายหลังจากการทำคำเสนอซื้อ ได้อยู่ระหว่างศึกษาซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการเพิกถอน SF ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หากมีความชัดเจนแล้วจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ต่อไป
โดย CPN คาดว่า การเข้าซื้อ SF นั้นจะเป็นประโยชน์ 2 เรื่อง คือ
- เป็นการส่งเสริมศักยภาพทางการเงินและเพิ่มฐานกระแสเงินสดให้แก่บริษัท เพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
- ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ รวมถึงการเข้าลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อช่วยให้อัตราการเติบโตทางธุรกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทางด้าน วิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MAJOR ในฐานะผู้ขายหุ้นของ SF กล่าวว่า การเข้าทำรายการดังกล่าวเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อธุรกิจของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอนาคตเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์และศูนย์รวมความบันเทิงของลูกค้าทุกคนต่อไป และเป็นความยินดีอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรทางธุรกิจอย่างเซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SF ในครั้งนี้
