×

Maison Kitsuné จากผู้จัดการ Daft Punk สู่การสร้าง Cool ไลฟ์สไตล์ที่ทั่วโลกต้องจับตามอง [Advertorial]

06.05.2021
  • LOADING...
Maison Kitsuné

HIGHLIGHTS

6 mins. read
  • Maison Kitsuné แบรนด์ลูกผสมสัญชาติฝรั่งเศสและญี่ปุ่น โดยสองผู้ก่อตั้ง จิลดาส์ โลแอ็ค และ มาซายะ คุโรกิ ผู้ซึ่งเคยทำงานให้กับศิลปินระดับโลกอย่าง Daft Punk มาแล้ว 
  • แบรนด์ Maison Kitsuné เริ่มต้นในปี 2002 โดยเริ่มแรกมีที่มาจากค่ายเพลง Kitsuné Musique ซึ่งปลุกปั้นศิลปินชื่อดังอย่าง Two Door Cinema Club, Parcels, Bloc Party หรือวง Years & Years 
  • ในปี 2005 Maison Kitsuné ได้เปิดตัวคอลเล็กชันเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก ซึ่งเน้นไอเท็มใส่ได้ทุกวันแบบ ‘Elevated Basics’ ด้วยคุณภาพการตัดเย็บตามแบบฉบับฝรั่งเศส โดยสินค้ามีตั้งแต่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล สเวตเตอร์ หมวกแก๊ป ไปจนถึงรองเท้าผ้าแคนวาส และกระเป๋าผ้า ก่อนเติบโตในโลกแฟชั่นระดับโลกอย่างเต็มตัว หลังจากได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงโชว์ในงานแฟชั่นระดับโลกอย่าง Pitti Uomo ที่จัดขึ้นในอิตาลีในปี 2012 
  • ในปี 2013 ถือได้ว่าเป็นการขยายอาณาจักรครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัว Cafe Kitsuné สาขาแรกที่ย่านอาโอยามะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะประสบความสำเร็จและขยายสาขาไปกว่า 14 สาขาทั่วโลก 

The Kitsuné Art de Vivre

 

หากจะต้องตอบคำถามว่า อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Maison Kitsuné ประสบความสำเร็จตลอด 19 ปีที่ผ่านมา เราก็คงต้องตอบว่า ความเท่แบบไม่ต้องพยายาม บวกกับความคิดสร้างสรรค์ที่นำมาใช้ในการพัฒนาแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของค่ายเพลง เสื้อผ้าแฟชั่น หรือคาเฟ่ก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาคือกระแสการตอบรับของกลุ่มคนที่รักในเสียงเพลง ศิลปะ และความดูดีแบบเรียบง่าย ซึ่งเป็นการสร้างคัลเจอร์และสะท้อนไลฟ์สไตล์สุดเท่ให้กับเหล่าแฟนของ Kitsuné ไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะเพียงแค่คุณเปิดเพลย์ลิสต์ของ Kitsuné แค่นั้นก็เท่แล้ว

 

 

Kitsuné Musique: Where It All Started

 

Maison Kitsuné เป็นผลผลิตของสองผู้ก่อตั้ง จิลดาส์ โลแอ็ค ชาวฝรั่งเศส และ มาซายะ คุโรกิ ชาวญี่ปุ่น โดยทั้งคู่พบเจอกันที่ร้านขายแผ่นเสียงของจิลดาส์ในปี 1995 ที่ซึ่งเปิดโอกาสให้จิลดาส์รู้จักกับวงดูโอ้เพลงอิเล็กทรอนิกส์ระดับตำนานอย่าง Daft Punk ก่อนผันตัวมาเป็นผู้จัดการวงในเวลาต่อมา

 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์นั้นเริ่มมาจากการที่จิลดาส์ได้ชวนให้มาซายะมาช่วยเป็นล่าม ในขณะที่ต้องไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับโปรเจกต์พิเศษระหว่าง Daft Punk และ เลจิ มัตสึโมโต้ นักวาดภาพการ์ตูนมังงะระดับตำนาน 

 

ผลงานเพลงที่ปล่อยภายใต้สังกัด Kitsuné Musique

 

โดยทั้งสองเคยเล่าในพอดแคสต์สัมภาษณ์กับทาง Hypebeast Radio ว่า หนึ่งสิ่งที่ชื่นชอบตอนไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นคือการได้ไปร้าน Concept Store ต่างๆ ที่ขายทั้งเสื้อผ้า แผ่นเสียง และมีคาเฟ่ภายใต้หลังคาเดียวกัน ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของไอเดียการสร้าง Lifestyle Hub และจึงได้เริ่มสร้างแบรนด์ที่ชื่อว่า Maison Kitsuné ในปี 2002 ที่กรุงปารีส

 

Maison Kitsuné ประกอบไปด้วย 3 เสาหลักสำคัญ โดย 2 อันแรกมาควบคู่กันตั้งแต่แบรนด์ถูกก่อตั้ง เริ่มด้วยค่ายเพลง Kitsuné Musique ที่เน้นเซ็นสัญญากับศิลปินหน้าใหม่ และช่วยโปรโมตผลงานชิ้นแรกๆ ของพวกเขา ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าศิลปินอย่าง Two Door Cinema Club, Parcels, Bloc Party หรือวง Years & Years ก็ต่างมาจากค่ายนี้ 

 

Kitsuné Events

 

นอกจากการทำเพลงแล้ว จิลดาส์และมาซายะในขณะนั้นก็ยังเป็นดีเจและเริ่มจัดงานมิวสิกปาร์ตี้สุดคูลของ Kitsuné ที่ฮิตไปทั่วโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อย่าง Kitsuné Club Night และ Kitsuné Afterwork ซึ่งรายได้ที่ทั้งคู่ได้มาก็จะนำกลับมาลงทุนในแบรนด์ โดยเฉพาะกับเสาหลักที่ 2 นั่นก็คือ ธุรกิจเสื้อผ้า Maison Kitsuné นั่นเอง

 

 

Celebrities Around The World

 

เราต้องนิยามคอนเซปต์เสื้อผ้า Maison Kitsuné ว่า Effortlessly Cool ด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่มีกลิ่นอายความ Preppy แต่ยังคงเก็บรายละเอียดการตัดเย็บตามแบบฉบับปารีเซียง และมีรูปทรงคลาสสิกที่ง่ายในการมิกซ์แอนด์แมตช์ โดยหากคุณจะนำไอเท็มอย่างเสื้อเชิ้ตจาก 5 ซีซันก่อนมาใส่กับกางเกงขายาวในซีซันล่าสุด ก็ยังดูเข้ากันได้ดี ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไม Brand Loyalty ของ Maison Kitsuné ยังคงเหนียวแน่นตลอดเวลาทั่วโลก โดยเฉพาะกับคนดังจากหลากหลายแวดวงอย่าง G-Dragon, Sandara 2NE1, Kiko Mizuhara, Jennie BLACKPINK, Jay-Z, Meghan Markle, LeBron James, Kendall Jenner, Eva Chen หรือ Jimmy Fallon ที่ก็นิยมใส่ Maison Kitsuné เป็นประจำ ซึ่งก็สะท้อนความหลากหลายของกลุ่มคนที่ใส่แบรนด์นี้

 

 

THE KITSUNÉ FOX: Your Favorite Animal!

 

 

แต่จะไม่ให้พูดถึงโลโก้ของ Maison Kitsuné ก็คงไม่ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วโลก ซึ่งจิลดาส์และมาซายะก็เผยแบบติดตลกในสัมภาษณ์ Hypebeast Radio ว่า เหตุผลที่เลือกนำสุนัขจิ้งจอกมาเป็นโลโก้ จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่ายังไม่ซ้ำใคร และชื่อของแบรนด์ก็ได้มาจากคำว่าสุนัขจิ้งจอกในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งก็คือ Kitsuné 

 

มากไปกว่านั้น ตามตำนานก็พูดกันว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้เห็นเจ้าสุนัขจิ้งจอกในหลากหลายเวอร์ชัน ไม่ว่าจะแบบ Chillax Fox ที่มีความขี้เล่น, ตัว Navy Fox ที่เน้นโทนเข้มและดูเท่ สุขุม, แบบ Tricolor Fox สุดคลาสสิก ที่เล่นกับสีธงชาติฝรั่งเศสน้ำเงิน ขาว แดง หรือที่ฮิตสุดก็คือแบบ Fox Head ที่มีให้เลือกทั้งแบบสีส้มและสีเทา

 

โดยการที่ Maison Kitsuné เล่นกับโลโก้หลายรูปแบบเราก็มองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ฉลาดมาก เพราะจะทำให้สินค้ามีความเป็น Collectible Items ที่สาวกของแบรนด์อยากสะสมให้ครบ และสร้างความตื่นเต้นว่าต่อไปตัวโลโก้เจ้าสุนัขจิ้งจอกจะมาในรูปแบบไหนอีก 

 

Maison Kitsuné Special Collaborations

 

Bangkok Collection โดย เบน คลีเวย์

 

การทำโปรเจกต์ Collaboration ก็เป็นอีกมิติหนึ่งของ Maison Kitsuné ที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยมีทั้งรองเท้า Reebok, เครื่องสำอาง Shu Uemura, กระเป๋า Eastpak, นิตยสาร Toiletpaper, หน่วยบาสเกตบอล NBA และแบรนด์เกาหลีมาแรง Ader Error กับคอลเล็กชัน ‘The Bluest Fox’ ที่ทำมาแล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2018 และสำหรับโปรเจกต์ล่าสุด ทางแบรนด์ได้ Collaboration กับศิลปินด้าน Graphic Arts ชื่อดังจากลอสแอนเจลิส เบน คลีเวย์ ให้มาออกแบบลายเสื้อสำหรับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก รวมไปถึงเมืองบางกอก (Bangkok) ของเราด้วย

 

หากดูภาพรวมธุรกิจของสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าของ Maison Kitsuné ก็ถือว่าเติบโตอย่างมั่นคงและไม่ฉาบฉวยจนเกินไป โดยทุกวันนี้ทางแบรนด์มีจุดขายกว่า 400 แห่ง และร้านของตัวเอง 33 แห่งทั่วโลก ซึ่งร้านในกรุงเทพฯ ก็คือหนึ่งในนั้นที่เปิดเมื่อปี 2020 ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G ด้วยพื้นที่กว่า 145 ตารางเมตร โดยมีดีเทลการตกแต่งร้านที่สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ได้อย่างลงตัว 

 

ร้าน Maison Kitsuné และ Café Kitsuné ณ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น G 

 

Café Kitsuné: Modern, Cosmopolitan and Welcoming. 

 

 

มาที่เสาหลักสุดท้ายของแบรนด์นั่นก็คือ Cafe Kitsuné ซึ่งจิลดาส์และมาซายะเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD POP เกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังและความเป็นมาว่า “Cafe Kitsuné เป็นส่วนของไลฟ์สไตล์ที่เราชื่นชอบและมีแพสชัน โดยเราตั้งใจให้คาเฟ่เป็นสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยความรู้สึกดีๆ คล้ายกับอยู่บ้าน และเป็นที่ที่คุณมากับเพื่อนและเอ็นจอยกาแฟสักแก้วหนึ่ง” 

 

โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่ย่านอาโอยามะ ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2013 ก่อนที่จะเปิดสาขา ณ สวน Palais Royal ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดฮิตที่คนต้องไปเช็กอิน โดยปัจจุบัน Cafe Kitsuné มีทั้งหมด 14 สาขาทั่วโลก 

 

สำหรับสาขาแรกที่กรุงเทพฯ ได้เปิดเมื่อปี 2020 พร้อมความพิเศษตรงที่มีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟที่คิดค้นมาสำหรับสาขานี้เท่านั้น อาทิ เมนู Fox Latte ที่รังสรรค์จากเมล็ดกาแฟเบลนด์ 3 แหล่งเพาะปลูกอย่างนิการากัว, เอล ซัลวาดอร์ และกัวเตมาลา ผ่านกระบวนการคั่วที่โรงคั่วชั้นดี และนำไปหมักกับเปลือกของเมล็ดโกโก้จากสวนในจังหวัดเชียงใหม่นาน 24 ชั่วโมง

 

มากไปกว่านั้น เพื่อคงเรื่องรสชาติเอาไว้ทั่วโลก เมล็ดกาแฟที่ถูกใช้ในเมนูอื่นๆ ที่ Cafe Kitsuné ก็ส่งตรงมาจากโรงคั่วของทางแบรนด์เองที่ชื่อ Kitsuné Roastery ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดโอคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น โดยล่าสุดก็ได้เปิดโรงคั่วอีกแห่งด้วยที่ย่าน Rue du Vertbois ในกรุงปารีส 

 

 

อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ Cafe Kitsuné เป็นคาเฟ่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์แฟชั่นได้อย่างลงตัวคือ การมีสินค้าไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบของตัวเองภายใต้ชื่อแบรนด์ Cafe Kitsuné โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วกาแฟ, Tumbler, กระเป๋าผ้า และยังมีไลน์เสื้อผ้าที่เป็นเสื้อยืด สเวตเตอร์ และเสื้อฮู้ดดี้ ที่ใช้โลโก้ Cafe Kitsuné อีกด้วย ส่วนสาวก Cafe Kitsuné ตัวจริง ยังสามารถเป็นเจ้าของสินค้า ‘Bangkok Exclusive Collection’ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับประเทศไทยเท่านั้น ประกอบไปด้วย เสื้อยืด กระเป๋าผ้า และแก้วกาแฟ

 

 

จากประเด็นทั้งหมดที่เราได้เล่ามาเกี่ยวกับอาณาจักรแบรนด์ Maison Kitsuné ตั้งแต่ดนตรี เสื้อผ้า จนถึงคาเฟ่ ก็ถือเป็นตัวอย่างของการคิดค้นสูตรความสำเร็จที่ไม่ต้องไปตามคนอื่น และยังคงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคตามยุคสมัยปัจจุบัน

 

โดยคีย์หลักสำคัญที่เราได้เห็นจาก Business Model ของแบรนด์คือ ไม่ว่า Maison Kitsuné จะขยายธุรกิจไปในทิศทางไหน รวมไปถึงการทำโรงแรมครั้งแรกที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ ทางแบรนด์ก็ไม่เคยลืมที่จะสร้าง Product Synergies ให้ทุกโปรเจกต์ยังคงเชื่อมโยงด้วย DNA แบบฉบับดั้งเดิมของแบรนด์เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม และมีความ Authentic โดยไม่พยายามที่จะทำอะไรแตกต่างไปจากเดิม ที่อาจสร้างความสับสนต่อแฟนคลับ Maison Kitsuné ซึ่งถือว่าสำคัญมากในการทำให้ภาพของแบรนด์ดูกลมและดูมีตัวตนที่ชัดเจน

 

หนึ่งคำตอบของจิลดาส์และมาซายะที่เคยให้เรามาในปี 2020 ก็เป็นบทสรุปที่ดูลงตัวและเป็นเหตุผลว่าทำไมหลังจาก 19 ปี Maison Kitsuné ยังคงเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์และแฟชั่นที่อยู่ในใจหลายคน

 

“สำหรับเรามันเกี่ยวกับแพสชันล้วนๆ ตั้งแต่เราเริ่มทำแบรนด์ Maison Kitsuné มา เราก็แค่อยากมีความสุขกับสิ่งที่เราทำทุกวัน เราชอบพูดว่าแบรนด์เราสะท้อนตัวตนของเรา ไม่ว่าจะแฟชั่น ดนตรี ต่อมาก็คาเฟ่ บาร์ และร้านอาหาร แต่เราอยากให้แบรนด์เราเรียบง่าย ไม่ปิดกั้น และให้ความคิดสร้างสรรค์ออกมาเอง อย่างเช่น ตอนเปิดคาเฟ่เราก็แค่ตัดสินใจทำเพราะเราหาร้านกาแฟที่เติมเต็มสิ่งที่เราต้องการไม่ได้ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะมาถึงจุดนี้ เราต้องใช้เวลาบ่มเพาะว่าจุดยืนของเราคืออะไร เราจะเปิดร้านที่ไหนของแต่ละเมือง หรือใครจะมาเป็นผู้ร่วมหุ้น”

 

อ่านเพิ่มเติม: สัมภาษณ์ผู้ก่อตั้ง Kitsuné ก่อนที่แบรนด์จะมาเปิดร้านและคาเฟ่ที่หลายคนรอคอยครั้งแรกในกรุงเทพฯ

 

สามารถแวะชมสินค้า Maison Kitsuné ได้ที่ร้านสาขา The Emquartier ชั้น G โทร 0 2003 6696 หรือช้อปออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.ppgroupthailand.com  

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ช่องทาง LINE OA: 

@Maisonkitsune_th (https://lin.ee/7cq6VOx)

@Cafekitsune_th (https://lin.ee/6JVw1A0)

 

#Maisonkitsunebangkok

#Cafekitsunebangkok

 

 

Credit Fashion Set:

Photographer: Thakiet S.

Stylist: Thitikan K.

Hair: Nikom N.

Make Up: Kwankhao S.

Model: ณัฐณิชา เหลืองอนันต์คุณ, ชลธาร เชี่ยววารีสัจจะ

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising