×

การเมืองกระแสหลัก ‘กด’ การลงทุน

05.08.2023
  • LOADING...
การเมือง การลงทุน

ที่ผ่านมา บรรยากาศการลงทุนยังไม่สดใส หากกล่าวถึงปัจจัยต่างประเทศน้ำหนักยังอยู่ที่เรื่องเศรษฐกิจ ทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและตัวเลขเงินเฟ้อ ปัจจุบันก็ขึ้นมาถึงระดับ 5.25-5.55% จะหยุดตรงนี้หรือไปต่อก็ต้องตามกันต่อไป ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ประเด็นการเมืองเป็นเรื่องที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ รัฐบาลใหม่น่าจะมาช้า และสิ่งที่กังวลคือ งบลงทุนของเราก็มีแนวโน้มมาช้าเช่นกัน 

 

เริ่มที่สหรัฐฯ ภาพการลงทุนที่ฟื้นตัวมาจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวลงอย่างช้าๆ ไม่รุนแรง (Soft Landing) จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจภาพรวมที่ยังดีอยู่ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่า Fed อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยหลังจากปรับขึ้นอีก 0.25% หรือ 25 bps เป็น 5.20-5.50% ในเดือนกรกฎาคม ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวดี 

 

ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อทยอยปรับลดลง ได้แก่ 1. ตัวเลขดัชนีค้าปลีก (Retail Sales) เดือนมิถุนายน ยังขยายตัวอ่อนๆ ที่ 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน 2. สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายนที่ 3.0% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนมิถุนายนก็ชะลอตัวลงเช่นกันอยู่ที่ 4.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.3 นอกจากนี้ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐฯ เดือนมิถุนายน ก็ขยายตัวเพียง 0.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลงจาก 0.9% จากเดือนก่อน 

 

  1. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิถุนายนออกมาที่ 2.09 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงานเดือนมิถุนายนทรงตัวที่ 3.6% โดยตำแหน่งงานเปิดใหม่เดือน พฤษภาคมอยู่ที่ 9.8 ล้านตำแหน่ง ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ทาง IMF ได้ปรับประมาณการ GDP โลกปี 2023 ขึ้นเป็น 3.0% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.8% ในเดือนเมษายนด้วย  

 

ด้านการลงทุน ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวขึ้นประมาณ 3% ในเดือนกรกฎาคม โดยดัชนีรายภูมิภาคต่างปรับตัวขึ้น ส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 0.06% หรือ 6 bps เป็น 4.9% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนภาพนักลงทุนในตลาดพันธบัตรประเมินความเสี่ยงที่เศรษฐกิจถดถอยลดลงจากการที่เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ทำให้มีโอกาสที่ Fed จะหยุดขึ้นดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งตลาดทองคำตอบรับในทิศทางเดียวกัน โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้น 2.7% เป็น 1,972 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลงเล็กน้อย  

 

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเดือนกรกฎาคมปรับตัวขึ้นตามบรรยากาศการลงทุนที่ดีในต่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นหนุนราคาหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มพลังงานปรับสูงขึ้น ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับเพิ่มขึ้นหลังรายงานกำไร 2Q23 ปรับขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวหลังพรรคก้าวไกลเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องนโยบายที่ไม่เป็นมิตรกับตลาดทุน 

 

มุมมองการลงทุนในเดือนสิงหาคม เรื่องของการเมืองในประเทศไทยจะยังคงเป็นกระแสหลักที่มีผลต่อการลงทุน ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของ Fed น่าจะชะลอลงบ้าง แต่ก็ขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจเป็นสำคัญ สำหรับผลการประชุมของ กนง. มีการปรับขึ้นตามคาดการณ์อยู่ที่ 0.25% 

 

จากที่กล่าวมา เห็นได้ว่าปัจจัยการลงทุนยังเป็นเรื่องเดิมที่รอความชัดเจน ผมยังให้  น้ำหนักการลงทุนในหุ้นคงไว้ที่ 45% โดยแบ่งเป็น สหรัฐฯ และจีน รวมกันไม่เกิน 15% ประเด็นคงเหมือนเดิม เรื่องปัญหาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงของจีน ญี่ปุ่น คงน้ำหนักไว้ที่ 10% เพราะเป็นประเทศที่มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูง และได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวหลังฟื้นตัวจากโควิด ประเทศไทย 20% ตราสารหนี้และตลาดเงิน 40% แบ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น 20% เป็นตราสารหนี้ระยะกลางของเอกชนที่อยู่ในระดับ Investment Grade ประมาณ 10%, ตลาดเงิน 10%, ทอง น้ำมัน และ REIT รวมกันประมาณ 15% โดยเน้นไปที่ REIT

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising