ความรู้สึกหลังการได้ลองสัมผัสและทำความรู้จักกับ MacBook Air รุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับชิป M4 และสีใหม่ ‘สกายบลู’ ไม่ต่างอะไรจากการยืนมองท้องฟ้า ที่ในแต่ละวันท้องฟ้าอาจจะมีบ้างที่ดูคล้ายกันแต่ความจริงแล้วไม่เคยเหมือนกันเลยในสักวัน
MacBook Air M4 ก็เหมือนกัน ในความรู้สึกอาจจะไม่ได้รู้สึกว่าดีขึ้นอย่างชนิดเห็นความแตกต่างจากรุ่นก่อน แต่ถ้าสัมผัสอย่างละเอียดก็จะพบว่าดีขึ้น เหมือนท้องฟ้าวันนี้สวยกว่าเมื่อวาน ‘นิดนึง’
ความแตกต่างอย่างแรกที่สังเกตได้ง่ายที่สุดสำหรับ MacBook Air M4 คือเรื่องของสีสัน สีที่อยู่คู่กับตระกูล MacBook มานานอย่างสเปซเกรย์กลายเป็นอดีตไปแล้ว Apple เปิดตัวสีเฉดใหม่ ‘สกายบลู’ ซึ่งเป็นสีฟ้าเฉดอ่อนๆ ไม่ฉูดฉาดเหมือนท้องฟ้าฤดูร้อนมากกว่าจะเป็นสีฟ้าสดใสของท้องฟ้าฤดูหนาว ซึ่งเป็นสีที่สวยและแตกต่างจากอีก 3 เฉดสีเดิมอย่าง เงิน, สตาร์ไลท์ และมิดไนท์ เชื่อว่าน่าจะเป็นสีที่ถูกใจคุณผู้หญิงหรือผู้ชายสายอบอุ่นพอสมควร
แต่นอกเหนือจากเรื่องของสีสันแล้วสิ่งที่เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงรูปธรรมแบบจับต้องได้ของ MacBook Air M4 แทบไม่มี
หน้าจอของ MacBook Air รุ่นใหม่ซึ่งมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 13.6 นิ้ว และ 15.3 นิ้วยังคงเป็น Liquid Retina ความสว่าง 500 นิต รองรับ 1 พันล้านสี ซึ่งสวยงามและเพียงพอสำหรับการใช้งานของผู้ใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การรับชมคอนเทนต์ ดูหนัง ดู YouTube หรือแม้แต่ใช้สำหรับการทำกราฟิกวิดีโอ การตัดต่อก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับการใช้งานระดับพื้นฐาน ดีเหมือนเดิม
บนหน้าจอสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไปคือกล้อง! ที่มีการอัปเกรดให้ (สักที!) เป็นกล้อง 12MP Center Stage ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะจัดให้ผู้ใช้อยู่กลางเฟรมเสมอ อันนี้ถือว่าดีขึ้นสำหรับการใช้ประชุมออนไลน์หรือการต่อสาย FaceTime คุยกับครอบครัวหรือเพื่อน และยังมี ‘มุมมองด้านหน้าโต๊ะ’ ให้ได้ใช้สลับมุมมองเป็นลูกเล่นได้ เพียงแต่ถ้าคาดหวังว่ากล้อง 12MP จะชัดแจ๋วอาจจะต้องผิดหวังกันนิดหน่อย มันไม่ได้ชัดขึ้นมากมายขนาดนั้น
แต่สิ่งที่ดีจริงๆ คือเรื่องของฟีเจอร์ในการแชร์หน้าจอ เพราะในรุ่นใหม่สามารถแชร์หน้าจอภายนอกได้สูงสุดอีก 2 จอ ‘โดยไม่จำเป็นต้องพับหน้าจอ’
ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับชิปประมวลผลใหม่ M4 ที่มาพร้อมกับ CUP แบบ 10-core และ GPU แบบ 8-core (อัปเกรดเป็น 10-core ได้) ที่ทรงพลังอันเป็นมาตรฐานของชิปประมวลผลยุคใหม่ที่สร้างมาเพื่อ Apple Intelligence ที่ถึงแม้ในความรู้สึกจะไม่ได้เร็วหรือแรงจัดกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ แต่อย่างน้อยก็เร็วกว่าชิป M1 2 เท่า ไม่นับอีกส่วนที่สำคัญคือหน่วยความจำแบบรวม (Unified) ที่เพิ่มขึ้นจาก 8GB เป็น 16GB ทำให้ใช้งานได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
ย้ำอีกทีว่าความแรงนั้นเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปแบบสบายๆ จะเปิดเบราว์เซอร์ 20 แท็บพร้อมกันเป็นเรื่องปกติ เปิดแอปสลับไปมาได้ไม่มีปัญหา ส่วนเพื่อนรักนักเล่นเกมคงเข้าใจอยู่แล้วว่าการเล่นเกมทั่วไปไม่ใช่ปัญหา ปัญหาจะเกิดถ้าคิดอยากจะเล่นเกมที่เรียกร้องความแรงของเครื่องจัดๆ
แบตเตอรีของ MacBook Air ยังถือว่าประเสริฐสำหรับคนที่ต้องใช้ทำงานนอกสถานที่เพราะใช้งานได้สูงสุดถึง 18 ชั่วโมง มีพอร์ตรองรับการใช้งานเพียงพอทั้ง Magsafe 3, Thunderbolt 4 อีก 2 พอร์ต พร้อมไปไหนไปกันในน้ำหนักเบาๆ 1.24 กิโลกรัม ไม่ปวดหลังปวดบ่า
รวมๆ แล้ว MacBook Air M4 ไม่ได้ทำให้รู้สึก ‘ว้าว’ อะไรมากมาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ในระยะหลัง แต่นี่คือแล็ปท็อปที่หากคิดจะมองหาเครื่องใหม่แล้วเป็นเครื่องที่มั่นใจได้ เชื่อใจได้เสมอว่าคุ้มค่ากับทุกบาทที่เสียไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ได้อัปเกรดมานานตั้งแต่รุ่น Intel รวมถึงคนที่ใช้ชิป M1 ต้องบอกว่าอาจจะถึงเวลาแล้ว
และที่สำคัญที่สุดของที่สุดคือราคาของรุ่นนี้ที่ลดลงจากเดิมเหลือเพียงแค่ 34,900 สำหรับรุ่นเริ่มต้น 13 นิ้ว เรื่องนี้มีผลต่อใจใครหลายคนแน่นอน เพราะลดลงจากการเปิดตัวรุ่น M3 มากถึง 5,000 บาทด้วยกัน
ฟ้าวันนี้ก็สวยดีนะ ว่าไหม