Bernard Arnault ประธานกรรมการและซีอีโอของเครือแฟชั่นและลักชัวรีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง LVMH กล่าวในที่ประชุมผลประกอบการประจำปีของบริษัทว่า เขายังไม่อยากกระโจนเข้าสู่ Metaverse ช่วงนี้ หวั่นซ้ำรอยภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ดอตคอมของช่วงปลายยุค 1990-2000
“ผมขออธิบายแบบนี้ก็แล้วกัน มันยังเป็นแค่โลกเสมือนจริงเท่านั้น และถึงตอนนี้เราอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ขายสินค้าของจริง คือจริงๆ แล้วมันทั้งน่าตื่นเต้นและน่าสนใจ และน่าจะเป็นอะไรที่สุด เราคงต้องรอดูว่าจะต้องใช้อะไรบ้างในโลก Metaverse และ NFT” และยังกล่าวต่ออีกว่า ถ้ามันไปได้ด้วยดีก็น่าจะส่งผลต่อบริษัทและกิจกรรมของแบรนด์ในเครือ แต่อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สนใจที่จะขายรองเท้าแบบเสมือนจริงในราคาคู่ละ 10 ยูโร
“โดยสรุปแล้วผมขอเตือนว่า ให้ระวังภาวะฟองสบู่ ผมจำได้ตอนที่อินเทอร์เน็ตมาใหม่ๆ ในช่วงต้นปี 2000 ตอนนั้นมีหลายบริษัทที่สามารถไปถึงระดับ Facebook ได้ แต่สุดท้ายก็มีไม่กี่รายที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเราควรระวังไว้ดีกว่า”
ประวัติศาสตร์การลงทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรของ LVMH คงต้องยกให้กรณีศึกษาของ Boo.com เว็บไซต์อีเทลเลอร์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ด้วยเป้าหมายในการเป็นเว็บไซต์ขายสินค้ากีฬาและเสื้อทางออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง Bernard Arnault ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนร่วมกับบริษัทการเงินรายใหญ่ทั้ง J.P. Morgan และ Goldman Sachs แต่ด้วยการใช้จ่ายด้านงบประมาณที่เกินความจำเป็นและระบบหลังบ้านที่ยังไม่เสถียรพอที่จะรับรองผู้ใช้งาน ทำให้บริษัทไม่สามารถทำยอดขายได้ตามที่คาดหมายและอยู่ในสภาวะหนี้สิน จนต้องปิดตัวลงในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทางฟากคู่แข่งอย่างเครือ Kering กลับกระโจนเข้าหากระแส Metaverse อย่างขะมักเขม้น โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่อย่าง Balenciaga ที่ Cédric Charbit ซีอีโอของแบรนด์ได้เปิดเผยในเวทีเสวนา Voices 2021 ของ The Business of Fashion ว่า เขาได้ลงทุนเปิดแผนกพิเศษสำหรับ Metaverse แล้ว ซึ่งในหลายเดือนที่ผ่านมาแบรนด์ของเขามีแคมเปญใหม่ๆ ในโลกเสมือนจริงเด่นๆ เช่น การทำคอลเล็กชันร่วมกับเกม Fornite พร้อมกับทำเสื้อให้ตัวละครและวางขายในโลกแห่งความเป็นจริงไปพร้อมๆ กัน
ภาพ: Peter White / Getty Images
อ้างอิง: