นาฬิกาหรูยังฮอต! ยอดส่งออกนาฬิกาสวิสพุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปี

แม้ราคาในตลาดรีเซลจะปรับตัวลดลง แต่ดูเหมือนความต้องการนาฬิกาหรูในตลาดหลักยังไปได้สวย เมื่อสหพันธ์อุตสาหกรรมนาฬิกาสวิส (FH) เผยตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้น 8.3% ในเดือนกรกฎาคม เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2021 โดยแตะระดับประมาณ 8.25 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปีนี้ น่าจะเป็นผลมาจากนักช้อปที่กระเป๋าหนักหลั่งไหลเข้ามาเป็นแฟนคลับแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของสวิส ไม่ว่าจะเป็น Rolex, Omega, Audemars Piguet และ Patek Philippe ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด ที่ทำให้การซื้อสินค้าออนไลน์เฟื่องฟู

จากข้อมูลของ FH นาฬิการะดับไฮเอนด์เป็นพระเอกในการสร้างสถิตินี้ โดยนาฬิกาที่มีราคามากกว่า 18,000 บาทมียอดขายคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของทั้งหมด ในทางกลับกัน การส่งออกนาฬิกาที่มีราคาต่ำกว่านั้นกลับลดลง 29.2% นับตั้งแต่ต้นปี 2020 โดยตลาดหลักยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 13.5% จากปีก่อน และแซงหน้าจีนเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่อุปสงค์ในจีนกำลังฟื้นตัวจากการล็อกดาวน์จากโควิด นอกจากนี้การส่งออกนาฬิกาสวิสในเดือนกรกฎาคมไปยังตลาดหลักส่วนใหญ่ในเอเชียและยุโรปเพิ่มขึ้นถึงสองหลักเปอร์เซ็นต์

ปรากฏการณ์ในแวดวงนาฬิกาเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมแนวคิดที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังมีผลกระทบน้อยในตลาดหลักของสินค้าหรูหรา โดยยอดขายฟื้นตัวเป็น 10.8 ล้านล้านบาทในปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% เหนือจุดวิกฤตก่อนปี 2019 ซึ่งคาดว่าแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีภาพลักษณ์แข็งแรงจะยิ่งได้ประโยชน์จากความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ และสินค้าในระดับ Ultra Luxury กลับเป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น และผู้ซื้อกระเป๋าหนักก็ยอมควักกระเป๋าจ่าย อย่างที่เราได้เห็นการขึ้นราคาของกระเป๋า Chanel หรือสร้อยข้อมือ Love de Cartier อย่างไรก็ดี ผลกระทบก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพียงแต่ว่าจะมาเมื่อไรเท่านั้นเอง

กลับมาที่เรื่องนาฬิกา นอกจากแบรนด์นาฬิกาสวิสยอดนิยม Rolex, Omega, Audemars Piguet และ Patek Philippe ที่กำลังเป็นที่ต้องการชนิดต้องจองข้ามปีแล้ว ยังมีผู้ผลิตนาฬิกาหรูอีกหลายเจ้าที่แม้จะเป็นแบรนด์ขนาดเล็กๆ หรือผู้ผลิตนาฬิกาอิสระ ประเภททำน้อยแต่คุณภาพสูง ก็เป็นที่ต้องการไม่แพ้แบรนด์ระดับมหาชนเลยทีเดียว

De Bethune DB28GS JPS ราคาประมาณ 3.9 ล้านบาท

นาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานรถแข่งแห่งยุค 70 John Player Special (JPS) ของทีม Lotus โดยได้รับการยกย่องว่าเป็นรถฟอร์มูลาวันที่สวยงามที่สุดที่เคยมีมา ด้วยเอกลักษณ์สีดำ-ทอง อีกทั้งยังผนวกเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้จนคว้าแชมป์ได้ถึง 7 สมัย ถอดแบบให้กลายเป็นนาฬิกาสีดำ-ทอง ตัวเรือนผลิตขึ้นด้วยวัสดุที่หลากหลาย ทั้งสเตนเลสสตีล ไทเทเนียม และเซอร์โคเนียม ขนาด 44.4 มิลลิเมตร หนา 12.8 มิลลิเมตร และสามารถกันน้ำได้ลึก 100 เมตร พร้อมขาสายแบบข้อต่อลอยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างของรถแข่ง JPS

Girard-Perregaux Laureato Pink Gold & Onyx ราคาประมาณ 1.96 ล้านบาท

นาฬิการุ่นไอคอนิกจากหนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ โดย Laureato ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1975 ด้วยสไตล์คลาสสิก สามารถเข้ากันได้กับสไตล์การแต่งตัวทุกรูปแบบตั้งแต่กางเกงยีนส์จนถึงชุดสูท โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งเปิดตัว Laureato 42mm Pink Gold & Onyx ตัวเรือนโรสโกลด์ 18K มาพร้อมกรอบตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยม พร้อมความสามารถในการกันน้ำ 50 เมตร และกระจกหน้าปัดที่กรุด้วยคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสารกันการสะท้อนทั้ง 2 ฝั่ง

MB&F LM Perpetual Palladium ราคาอยู่ที่ประมาณ 6.6 ล้านบาท

MB&F หรือ Maximilian Busser and Friends เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ถือกำเนิดในปี 2005 ขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์ที่สนุก แปลก แหวกแนว ที่ได้แรงบันดาลใจจากวิทยาศาสตร์ผสมเข้ากับเทคโนโลยีและความหรูหราของนาฬิกาสวิส โดย LM Perpetual Palladium เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ผลิตออกมาเพียง 25 เรือน หน้าปัดสลับซับซ้อนของกลไกแบบปฏิทินอัจฉริยะ ด้วยส่วนประกอบ 581 ชิ้น ตัวเรือนทำมาจากวัสดุล้ำค่าหายาก นั่นก็คือ Palladium 950

Urwerk UR-112 Aggregat Odyssey ราคาประมาณ 8.8 ล้านบาท

ผู้ผลิตนาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์ล้ำสมัย และรูปแบบการแสดงเวลาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ Urwerk ขายหมดแทบจะในทันทีที่ออกรุ่นใหม่ๆ โดย UR-112 Aggregat Odyssey มีรูปทรงที่อ้างอิงจากรถยนต์ในตำนานอย่าง Bugatti Atlantique และได้แรงบันดาลใจเรื่องรายละเอียดของตัวเรือนจากยานอาวกาศในภาพยนตร์ 3 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Star Wars, Battlestar Galactica และ Watchmen โดยทำจากสเตนเลสและไทเทเนียม มีขนาด 42.0 x 51.0 มิลลิเมตร หนา 16.0 มิลลิเมตร ด้านบนมีฝาครอบเปิดด้วยบานพับ กันน้ำได้ 30 เมตร

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

อ้างอิง: