ราคาบ้านหรูทั่วโลกลดลงในไตรมาสแรกของปีนี้ นับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 โดยนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ราคาบ้านหรูลดลงหนักสุด สวนทางกับดูไบที่ราคาบ้านพุ่งถึง 44% ในไตรมาสแรกของปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 149% จากยุคโควิด
ตามข้อมูลจาก Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์หรูหรา (Index of Prime Real Estate) ใน 46 เมือง ปรับตัวลดลง 0.4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน และนับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินโลก หลังเคยเติบโตถึง 10% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2021
โดยตลาดอสังหาริมทรัพย์หรูในนิวซีแลนด์นับเป็นตลาดที่เห็นราคาร่วงลงมากที่สุด เนื่องจากราคาบ้านหรูในเวลลิงตัน โอ๊กแลนด์ และไครสต์เชิร์ช ลดลงเป็นเลข 2 หลัก ขณะที่ในเมืองใหญ่ๆ เช่น ซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ฮ่องกง และแวนคูเวอร์ ก็เห็นราคาร่วงหนักเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘กอบศักดิ์’ มองวิกฤตแบงก์สหรัฐฯ อาจยังไม่จบ จับตา! ภาคอสังหา ที่อาจเป็นโดมิโนตัวถัดไป
- รายงานเผย Fed กังวลปัญหาสินเชื่อตึงตัวอาจฉุดเศรษฐกิจตกต่ำเร็วขึ้น ยอมรับภาคอสังหาพาณิชย์มีความเสี่ยงสูง
- ตลาดจับตาภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในยุโรป เสี่ยงเข้าสู่วิกฤตต่อจากภาคธนาคาร
ทั้งนี้ Knight Frank นิยามคำว่า Prime Real Estate ว่าเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเป็น 5% แรกของตลาด
Liam Bailey หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ Knight Frank กล่าวว่า “การเติบโตที่ชะลอตัวของราคาบ้านได้รับแรงหนุนอย่างมากมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากการคุมเข้มนโยบายการเงินโลกเมื่อเร็วๆ นี้”
อย่างไรก็ตาม Knight Frank ยังพบว่า ราคาบ้านหรูในบางเมืองที่บริษัทสำรวจเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไมอามีในสหรัฐอเมริกา มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลัก โดยราคาบ้านหรูในดูไบพุ่งขึ้นถึง 44% จากปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นถึง 149% จากยุคโควิด หรือจากเดือนมีนาคมปี 2020
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยหรูมีแนวโน้มที่จะเผชิญแรงกดดันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากในช่วง 2-3 ไตรมาสข้างหน้า มีสัญญาณเล็กน้อยเท่านั้นที่บ่งชี้ว่าจะเกิดวิกฤตการเงินซ้ำอีก
อ้างอิง: