×

Louis Vuitton กับการบุกตลาดสินค้าเครื่องประดับชั้นสูง High Jewelry พร้อมครอบครองเพชรใหญ่สุดอันดับ 2 และ 7 ของโลก

15.12.2020
  • LOADING...
Louis Vuitton กับการบุกตลาดสินค้าเครื่องประดับชั้นสูง High Jewelry พร้อมครอบครองเพชรใหญ่สุดอันดับ 2 และ 7 ของโลก

หากพูดถึงแบรนด์ลักชัวรีอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Louis Vuitton ที่มีมูลค่าสูงถึง 4.72 หมื่นล้านดอลลาร์ จากการคาดการณ์ของนิตยสาร Forbes แล้ว เชื่อได้ว่าสินค้าที่หลายคนอาจนึกถึงก่อนในใจก็มีทั้ง หีบเก็บของ (Trunk) ที่เป็นสินค้าจุดเริ่มต้นของแบรนด์, รองเท้าสนีกเกอร์รุ่น Archlight ที่ดีไซน์โดย Nicolas Ghesquière จนถึงบรรดากระเป๋าหนังลายโมโนแกรมรุ่นไอคอนิกต่างๆ ทั้ง Speedy, Alma, Neverfull, Petite Malle และ Twist เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีอีกหนึ่งหมวดสินค้าที่ทางแบรนด์กำลังบุกตลาดเชิงรุก และปั่นเพื่อให้เป็นอีกหนึ่งดาวเด่นของแบรนด์ ก็คือสินค้าเครื่องประดับชั้นสูง หรือที่เรียกกันว่า High Jewelry 

 

เพื่อไม่ให้สร้างความสับสน สำหรับสินค้า High Jewelry ไม่ใช่เครื่องประดับและแอ็กเซสซอรีกลุ่ม Fine Jewelry ทั่วไปของ Louis Vuitton ที่เราสามารถเดินเข้าไปซื้อได้ที่ร้านได้ตามใจชอบ แต่เป็นสินค้าเครื่องประดับชั้นสูงที่เน้นความเอ็กซ์คลูซีฟ ต้องสั่งซื้อเป็นพิเศษ และมีการนำสินค้าเดินทางไปจัดแสดงตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมเป็นหลัก โดยล่าสุดได้มาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก จนถึงวันที่ 17 ธันวาคมนี้

 

เครื่องประดับ High Jewelry ปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อปี 2008 และอยู่ภายใต้การดีไซน์ของ Francesca Amfitheatrof อาร์ทิสติกไดเร็กเตอร์หญิงคนเก่งของกลุ่มสินค้าเครื่องประดับของ Louis Vuitton โดยในแต่ละคอลเล็กชันจะมีการนำอัญมณี ทั้ง เพชร โอปอล ไพลิน ทับทิม มรกต นิล และทัวร์มาลีน เป็นต้น มารังสรรค์เป็นไอเท็มที่มีเพียงหนึ่งเดียว (One of a kind) และมีการหา (Sourcing) จากแหล่งในประเทศสำคัญ อาทิ ศรีลังกา, มาดากัสการ์, แทนซาเนีย, โมซัมบิก และโคลอมเบีย ซึ่งแต่ละชิ้นล้วนเป็นงานฝือมือชั้นเยี่ยม ทำโดยช่างฝีมือระดับแถวหน้าของวงการ ณ เวิร์กช็อป High Jewelry ซึ่งจัดตั้งอยู่ชั้น 5 ของร้าน Louis Vuitton ที่ Place Vendôme ในกรุงปารีส

 

แต่ความพิเศษของสินค้า High Jewelry ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทาง Louis Vuitton ได้เข้าซื้อเพชรดิบขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ชื่อ Sewelo ซึ่งค้นพบที่ประเทศบอตสวานาในทวีปแอฟริกา โดยตัวเพชรมีขนาดถึง 1,758 กะรัต และมีการประเมินว่าน่าจะมีอายุกว่า 2,000 ปี และพอมาช่วงปลายปีทางแบรนด์ก็ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้งในแวดวงเครื่องประดับ หลังได้ซื้อเพชรเม็ดโตขนาด 549 กะรัต ชื่อ Sethunya โดยเป็นเพชรดิบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของโลก พร้อมโดดเด่นในเรื่องของความบริสุทธิ์ ความขาวใสไร้ที่ติ ราวกับก้อนหินน้ำแข็ง

 

สำหรับทั้งเพชร Sewelo และ Sethunya ทางลูกค้าสามารถสั่ง Made to order ให้กลายเป็นเพชรหลากขนาด และรูปทรงตามความต้องการได้ พร้อมยังใช้เรื่อง Traceability แทร็ก และวัดความโปร่งใสของเพชรทุกเม็ดตั้งแต่แรกเจอ จนถึงคุณได้มาเป็นเจ้าของ แถมอีกความเอ็กซ์คลูซีฟก็คือการเจียระไนเพชรในรูปทรง Star Cut และ Flower Cut ที่นำมาจากสัญลักษณ์ลายโมโนแกรม ซึ่งทาง Louis Vuitton เป็นเจ้าของสิทธิบัตรในการทำแต่เพียงผู้เดียว

 

หากถามว่าทำไม Louis Vuitton ต้องถึงขนาดเข้าซื้อเพชร Sewelo และ Sethunya เรามองว่าทางแบรนด์ต้องการเอาจริงและสร้างความเชื่อมั่น (Credibility) ในวงการเครื่องประดับชั้นสูง ซึ่งต้องยอมรับว่าทาง Louis Vuitton ก็ยังมีคู่แข่งมากมายทั้งในเครือ LVMH เอง หรือเจ้าอื่นๆ ที่ติดตลาดไปแล้ว และมีฐานผู้ซื้อประจำ โดย Michael Burke ซีอีโอของ Louis Vuitton ได้เคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่า “ไม่มีใครนึกว่าเราจะมาโฟกัสด้าน High Jewelry แต่ผมกำลังจะช่วยสร้างกระแส และทำให้วงการนี้ตื่น” ส่วนในบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร Harper’s Bazaar Singapore เขาได้ปิดท้ายว่า “เราต้องกล้าหาญเสมอ และการซื้อเจ้าหิน Sewelo ก็เป็นตัวอย่างที่สำคัญ เพราะไม่เคยมีพ่อค้าเครื่องประดับชั้นสูงคนไหนที่ Place Vendôme กล้าทำสิ่งนี้” เพราะความกล้าหาญตรงนี้ และวิสัยทัศน์ของ Michael Burke เราเชื่อว่าแม้การจะบิลด์โปรไฟล์ในแวดวงนี้อาจยังคงต้องใช้เวลาอีกนาน แต่วันหนึ่ง Louis Vuitton ก็มีโอกาสที่จะเป็นใหญ่ในแวดวงเครื่องประดับชั้นสูงอย่างแน่นอน เหมือนกับที่เคยทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนกับสินค้ากลุ่มอื่น

 

 

ภาพ: Louis Vuitton

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising