×

อ่านแนวทางสร้าง ‘ความงามที่ขับเคลื่อนโลก’ แบบ ‘ลอรีอัล’ ภายใต้พันธกิจด้านความยั่งยืน ‘L’Oreal for the Future’ ในทุกขั้นตอนการดำเนินธุรกิจ [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
03.05.2023
  • LOADING...
L’Oreal for the Future

HIGHLIGHTS

  • ‘ลอรีอัล’ ผู้นำผลิตภัณฑ์ความงามอันดับ 1 ของโลก เร่งยกระดับพันธกิจด้านความยั่งยืน ‘L’Oreal for the Future’ ส่งผ่านสู่ทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัลในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลกภายในปี 2030
  • พันธกิจดังกล่าวครอบคลุมแกนการดำเนินงาน 3 ส่วน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงตนเอง สร้างพลังให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความท้าทายที่โลกต้องเผชิญ
  • ปัจจุบัน ลอรีอัลเป็นบริษัทที่ได้คะแนน AAA เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันจาก CDP และได้รับการยกย่องถึงความเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและความยั่งยืนของภาคองค์กรธุรกิจ ครองตำแหน่ง ‘A List’ ด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการเพื่อปกป้องความมั่นคงของแหล่งน้ำและป่าไม้ในปี 2022

ท่ามกลางความท้าทายด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกปี การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวทางที่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ทุกองค์กรต้องเร่งลงมือก่อนที่โลกจะป่วยจนเกินเยียวยา

 

 

‘ลอรีอัล’ ผู้นำผลิตภัณฑ์ความงามอันดับ 1 ของโลก คือหนึ่งในองค์กรแนวหน้าที่เร่งยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการขับเคลื่อนทุกๆ ส่วนของระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อต่อสู้กับความท้าทายด้านสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น โดยมีพันธกิจด้านความยั่งยืน ‘L’Oreal for the Future’ ส่งผ่านสู่ทุกแบรนด์ในเครือลอรีอัลในทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงขีดจำกัดความปลอดภัยของโลกเป็นที่ตั้ง เพื่อสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลกภายในปี 2030 ครอบคลุมแกนการดำเนินงาน 3 ส่วน ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงตนเอง สร้างพลังให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความท้าทายที่โลกต้องเผชิญ

 

 

การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

 

ในฐานะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านอุตสาหกรรมการผลิต การลดปริมาณผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าถือเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

 

กว่า 20 ปี ที่ลอรีอัลได้ดำเนินการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียน แนวทางที่ปฏิบัติมาตลอดคือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานอุตสาหกรรมด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโรงงานและศูนย์กระจายสินค้า โดยใช้พลังงานหมุนเวียนและปรับปรุงการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า

 

นับตั้งแต่ปี 2005 ลอรีอัลลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทได้มากถึง 91% เมื่อเทียบกับปี 2005 ในขณะที่ปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 37% ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน

 

หนึ่งในกลยุทธ์การลดก๊าซคาร์บอนของลอรีอัล คือการใช้พลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในพื้นที่ของโรงงานแต่ละประเทศ หรือใช้พลังงานหมุนเวียนที่สามารถผลิตได้เอง เช่น ชีวมวล การผลิตก๊าซชีวภาพ การใช้แผงโซลาร์ และอื่นๆ

 

 

ปี 2017 ลอรีอัลเป็น 1 ใน 100 บริษัท ที่กำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกด้วย Science-Based Targets พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี 2030 จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องตามเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลกให้เพิ่มไม่เกิน +1.5 องศาเซลเซียส โดยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากผลิตภัณฑ์ต่อชิ้นลง 50% ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ เทียบกับปี 2016

 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ทุกกิจกรรม ทุกภาคส่วนของธุรกิจ จะต้องดำเนินการไปพร้อมกัน ทั้งการผลิต การกระจายสินค้า การจัดหาวัตถุดิบ และผลกระทบทางอ้อมจากการใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค ภายในปี 2025 ไซต์งานทั้งหมดจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% และใช้พลังงานพลังงานหมุนเวียน 100%

 

ปัจจุบันลอรีอัลมีไซต์งานที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ใช้พลังงานทดแทน 100% ถึง 110 แห่ง โดยในจำนวนนี้เป็นโรงงานถึง 22 แห่ง

 

ตั้งแต่ปี 2020 ลอรีอัลมีนวัตกรรม Sustainable Product Optimization Tool (SPOT) เครื่องมือประเมินเพื่อพัฒนาความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์ มาใช้ประเมินและพัฒนาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกแบรนด์ โดยการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ถูกควบรวมเข้ากับกระบวนการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทตั้งแต่เริ่มต้นคิดค้นผลิตภัณฑ์

 

แนวทางบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

 

สำหรับลอรีอัล ‘น้ำ’ เป็นส่วนประกอบสำคัญในกระบวนการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการน้ำควบคู่ไปกับการอนุรักษ์น้ำอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ รวมไปถึงลุ่มน้ำและชุมชนที่ลอรีอัลให้บริการและดำเนินกิจการ จึงเป็นพันธกิจที่สำคัญยิ่ง

 

ปี 2017 โรงงานของลอรีอัลในเมืองบูร์โกส (Burgos) ประเทศสเปน ใช้ระบบน้ำแบบหมุนเวียน (Waterloop Factory) เป็นแห่งแรก ปัจจุบันน้ำที่ใช้ในกระบวนการอุตสาหกรรมที่โรงงานแห่งนั้นทั้งหมดถูกนำกลับมาใช้ใหม่ ปัจจุบันโรงงานทั้ง 5 แห่ง ปรับให้เป็นโรงงานระบบน้ำแบบหมุนเวียนทั้งหมด ทำให้ปี 2022 สามารถลดปริมาณการใช้น้ำในโรงงานและศูนย์กระจายสินค้าลง 53% ต่อผลิตภัณฑ์เมื่อเทียบกับปี 2005 

 

ภายในปี 2030 จะประเมินสูตรผลิตภัณฑ์ทุกสูตรด้วยแพลตฟอร์มทดสอบสภาพแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์เป็นมิตรต่อระบบนิเวศทางน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะบนภาคพื้นหรือชายฝั่ง

  

 

ผลักดันนโยบายเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์พลาสติก

 

นับตั้งแต่ปี 2007 ลอรีอัลเริ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์หลังการใช้งาน ความทุ่มเทนี้ก็เพื่อลดการเกิดขยะจากบรรจุภัณฑ์ ภายใต้โปรแกรมความยั่งยืน ‘L’Oréal for the Future’ บริษัทวางกรอบเป้าหมายลดความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์ในหลายวิธี เช่น ปรับให้มีน้ำหนักเบา หรือเปลี่ยนมาใช้วัสดุรีไซเคิล อาทิ ขวดแชมพู Elsève ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล 100% และสามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100% นอกจากนั้นยังคิดค้นการทำบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่เติมใหม่ได้ พัฒนาการใช้งานแบบแบบรีฟิลสำหรับผลิตภัณฑ์ประเภทครีมบำรุงผิว และออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างแชมพูก้อน ที่ใช้บรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษแทนขวดพลาสติก หรือหลอดบรรจุ Pure Shots Light Up Serum ของ YSL Beauty ทั้ง 4 สูตร สามารถนำมาบรรจุในขวดใสเดียวกันได้ จึงช่วยประหยัดทรัพยากรเมื่อเทียบกับการผลิตขวดที่ไม่สามารถเติมได้ ทำให้น้ำหนักรวมของบรรจุภัณฑ์ลดลงถึง 52%

 

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ ปี 2021 กว่า 97% ของผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นหรือปรับปรุงใหม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย 21% ของพลาสติกที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์มาจากการรีไซเคิลหรือแหล่งวัตถุดิบชีวภาพ 78% ของปริมาณพลาสติก PET ที่ลอรีอัลใช้ทั่วโลกมาจากการรีไซเคิล และ 98% ของกระดาษที่ใช้สำหรับใบปลิวผลิตภัณฑ์ และ 99.9% ของกระดาษที่ใช้สำหรับกล่องบรรจุผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองว่ามาจากป่าไม้ที่มีการจัดการอย่างยั่งยืน ที่สำคัญ 100% ของผลิตภัณฑ์ผ่านการประเมินผลโดยใช้ SPOT

 

ภายในปี 2025 ลอรีอัลประกาศว่าบรรจุภัณฑ์พลาสติก 100% จะต้องสามารถใช้ในการเติมซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้ และภายในปี 2030 จะลดปริมาณความหนาแน่นของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ลง 20% เมื่อเทียบกับปี 2019

 

การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เพื่อความยั่งยืนของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์

 

ลอรีอัลนำหลักปฏิบัติ Green Science มาใช้สร้างการเพาะปลูกส่วนผสมที่ยั่งยืน สกัดสิ่งที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติมอบให้ผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย (Green Chemistry) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิมให้แก่ผู้บริโภค ผนวกเข้ากับการเฝ้าสังเกตและศึกษาธรรมชาติ ผ่านการลอกเลียนแบบธรรมชาติ (Biomimicry) เพื่อค้นหาส่วนผสมใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรม

 

ปัจจุบัน 32% ของส่วนผสมเป็นวัตถุดิบธรรมชาติหรือมีแหล่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี และ 29% เป็นส่วนผสมที่ได้จาก Green Chemistry หรือกระบวนการทางเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานต่ำ และใช้สารทำละลายที่อ่อนโยนอย่างน้ำและเอทานอล ไปพร้อมๆ กับการลดปริมาณของเสียที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ส่วนผสมทั้งหมดสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ

 

ภายในปี 2030 ลอรีอัลตั้งเป้าจัดหาและลงมือปลูกส่วนผสมจากธรรมชาติด้วยวิธีการที่ยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้พืชหรือแบคทีเรียเป็นโรงงานขนาดเล็ก เพื่อสร้างวัตถุดิบใหม่ไปพร้อมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การสกัดแพลงก์ตอนในทะเลจากสาหร่ายขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพและอนุมูลอิสระ เสริมสร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติ และช่วยในการฟื้นฟูผิว หรือใช้โพลีเมอร์จากข้าวโพด 99% ในการผลิตมาสคาร่าทดแทนการใช้โพลีเมอร์สังเคราะห์และแว็กซ์ แต่ยังคงให้ความหนาและคมชัด ติดทนยาวนาน ด้วยเนื้อสัมผัสแบบครีมที่ล้างออกได้ง่าย ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าเหมาะสำหรับดวงตาที่บอบบางและผู้สวมใส่คอนแทคเลนส์

 

นอกจากนี้นวัตกรรมใหม่ๆ ของลอรีอัลยังช่วยให้ผู้คนทั่วโลกมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อโลกมากขึ้นผ่านไลฟ์สไตล์ของพวกเขา เช่น ครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออกตัวแรกของแบรนด์ ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ 98% ช่วยประหยัดการใช้น้ำได้ถึง 100 ลิตรต่อผลิตภัณฑ์หนึ่งขวด

 

เคารพความหลากหลายทางชีวภาพ

 

การปกป้องและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพคือวิธีที่ลอรีอัลเชื่อว่าจะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชนทั่วโลก และความหลากหลายทางชีวภาพยังเป็นต้นกำเนิดที่สำคัญของนวัตกรรม

 

ปี 2021 บรรดาวัตถุดิบที่ลอรีอัลอ้างอิงใหม่กว่า 63% เป็นวัตถุดิบที่ใช้แล้วไม่หมดไป และ 40% ในจำนวนนั้นเป็นเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวเลขดังกล่าวครอบคลุมวัตถุดิบราว 1,717 อย่างจากพืชพันธุ์ต่างๆ กว่า 313 ชนิด จาก 100 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้ปัจจุบันส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติในผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลกว่า 94% สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ว่ามาจากแหล่งที่ยั่งยืน และไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่า ตั้งเป้าภายในปี 2030 จะไปให้ถึง 100% สำหรับสูตรและวัสดุบรรจุภัณฑ์ต่างๆ

สำหรับใครที่อยากเข้าใจถึงพันธกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายเพื่อความยั่งยืนทั้งหมดที่เล่ามาใน 30 วินาที สามารถดูได้จากคลิป คุณอาจเห็นภาพชัดขึ้นว่าเพราะเหตุใด ‘ความงาม’ จึงขับเคลื่อนโลกได้

 

 

จะเห็นว่าทุกขั้นตอนการของการดำเนินธุรกิจ ลอรีอัลล้วนขับเคลื่อนด้วยพันธกิจเพื่อความยั่งยืน ส่งผลให้ลอรีอัลเป็นบริษัทที่ได้คะแนน AAA เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันจาก CDP องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านสิ่งแวดล้อมโลก ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างว่าเป็นมาตรฐานสูงสุดสำหรับการวัดความโปร่งใสด้านสิ่งแวดล้อมในภาคองค์กรธุรกิจ

 

อีกทั้งยังได้รับการยกย่องถึงความเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสในการปฏิบัติงานและความยั่งยืนของภาคองค์กรธุรกิจ ครองตำแหน่ง ‘A List’ ด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การจัดการเพื่อปกป้องความมั่นคงของแหล่งน้ำและป่าไม้ในปี 2022

 

 

ทั้งหมดนื้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงพันธสัญญาและความมุ่งมั่นของลอรีอัลที่จะทำให้ทุกการดำเนินงานเคารพต่อขีดจำกัดของโลกภายในปี 2030 ในฐานะบริษัทความงามชั้นนำของโลก ซึ่งสะท้อนถึงเป้าหมายของบริษัทในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก

 

ผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่คำนึงถึงความยั่งยืนได้จากทุกแบรนด์ของลอรีอัล โดยในประเทศไทย แบรนด์ของลอรีอัล ได้แก่ L’Oreal Paris, Garnier, Maybelline New York, Lancôme, Biotherm, Giorgio Armani, Kiehl’s, shu uemura, Yves Saint Laurent, It Cosmetics, L’Oréal Professionnel, Kérastase, La Roche Posay, Vichy และ CeraVe

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising