Dior สร้างความตื่นตะลึงให้วงการความงามด้วยการเปิดตัว L’Or de Vie 2024 ในรูปแบบมาสเตอร์พีซสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีมูลค่าสูงถึง 597,000 บาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวระดับลักชัวรีที่มาพร้อมกับราคาครึ่งล้านนี้อาจทำให้หลายคนต้องอ้าปากค้าง แต่เบื้องหลังตัวเลขนี้คือการผสานพลังพิเศษจากองุ่น Yquem ที่ได้ชื่อว่าเป็นองุ่นในตำนานที่ได้รับการยกย่องจากราชสำนักยุโรปมาอย่างยาวนาน
วันนี้ THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปไขความลับว่าเหตุใดผลิตภัณฑ์นี้จึงมีมูลค่าสูงถึงครึ่งล้านบาท ผ่านการสำรวจเบื้องหลังการสร้างสรรค์อันน่าทึ่ง ตั้งแต่การคัดสรรองุ่นจากไร่อายุกว่า 400 ปี สู่กระบวนการวิจัยอันแสนพิถีพิถัน จนถึงการรังสรรค์บรรจุภัณฑ์โดยศิลปินระดับตำนานอย่าง Aristide Najean ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแก้ว Murano นี่คือเรื่องราวที่จะทำให้คุณเข้าใจว่าทำไมผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จึงไม่ใช่แค่สกินแคร์ธรรมดา แต่เป็นงานศิลปะชั้นสูงระดับมาสเตอร์พีซที่มีเพียง 5 ชิ้นในโลก
การค้นพบที่เปลี่ยนโลกแห่งความงาม: เส้นทางสู่ Golden Drop™ Life Technology
ผลลัพธ์จากการวิจัยอันแสนพิถีพิถันกว่า 30 ปีของ Dior Science นำไปสู่การค้นพบที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อทีมนักวิจัยได้ร่วมมือกับห้องปฏิบัติการชั้นนำของฝรั่งเศส ทำการถอดรหัสยีนมากกว่า 60,000 ยีนจากจีโนมมนุษย์ จนค้นพบ ‘โปรตีนแห่งชีวิต’ (Superoxide Dismutase) กุญแจสำคัญที่พบมากในสิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยยาวนาน
การศึกษาครั้งประวัติศาสตร์นี้เผยให้เห็นว่าเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนแห่งชีวิตจะลดลงถึง 40% ส่งผลให้ระบบการชะลอวัยของผิวเสื่อมถอย Dior จึงพัฒนา Golden Drop™ Life Technology นวัตกรรมที่รวบรวมพลังการฟื้นบำรุงจากองุ่น Yquem เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อฟื้นฟูระบบการทำงานของ NAD+ และ Sirtuin ให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
ความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน: จากไร่องุ่นสู่หยดทองคำแห่งความงาม
กว่าจะได้มาซึ่งส่วนผสมล้ำค่าของ L’Or de Vie ต้องผ่านกระบวนการที่พิถีพิถันอย่างที่สุด เริ่มต้นจากการคัดเลือกองุ่นโดย ‘นักเก็บชั้นเลิศ’ ที่ใช้เวลากว่า 3 เดือนในการเดินสำรวจไร่เพื่อคัดสรรเฉพาะพวงองุ่นที่สมบูรณ์ที่สุด จากนั้นจึงนำมาสกัดน้ำเลี้ยงจากหน่อองุ่นที่หายากที่สุดเพียง 25% เท่านั้น
น้ำเลี้ยงอันล้ำค่านี้ถูกนำมาผ่านกระบวนการเปลี่ยนแปลงถึง 17 ขั้นตอน ใช้เวลาบ่ม 6 เดือน ก่อนจะกลายเป็น Gold Sap อันทรงคุณค่า ทีมนักวิจัยของ Dior ใช้เวลาถึง 2,000 ชั่วโมงในการพัฒนาสูตร และอีก 1 เดือนในการบ่มเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการที่ควบคุมแสงและอากาศอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของสารสกัดให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์
มาสเตอร์พีซแห่งศิลปะการออกแบบ: เมื่อ Murano พบกับ Dior
ในโอกาสพิเศษนี้ Dior ได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญที่มีเพียง 5 ชิ้นในโลก ด้วยการร่วมงานกับ Aristide Najean ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องแก้วจาก Murano ผู้ใช้เวลากว่า 40 ปีในการฝึกฝนศิลปะการทำแก้วบนเกาะเวนิส ชิ้นงานแต่ละชิ้นถูกรังสรรค์ด้วยมือทีละชิ้น ผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูงถึง 1,400 องศาเซลเซียส
ฐานแก้วควอตซ์ออร์แกนิกถูกประดับด้วยพวงองุ่น Yquem ที่สร้างขึ้นอย่างประณีต บางผลสมบูรณ์แบบ บางผลดูเฉาเล็กน้อย สื่อถึงความงามตามธรรมชาติ ตกแต่งด้วยทองคำ 24 กะรัต ใบไม้แต่ละใบถูกตัดแต่งด้วยกรรไกรโบราณอายุ 500 ปี ที่สืบทอดมาจากช่างฝีมือ Murano
“ผมหวังที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นและนำความสุขมาให้” Aristide Najean กล่าว สะท้อนให้เห็นถึงการผสานมรดกทางศิลปะเข้ากับนวัตกรรมร่วมสมัย เพื่อสร้างสรรค์บทสดุดีอันงดงามให้กับความงามและพลังแห่งธรรมชาติ
มูลค่าที่สมเหตุสมผลของงานศิลป์ระดับตำนาน
ด้วยราคา 597,000 บาท สำหรับ L’Or de Vie ในรูปแบบมาสเตอร์พีซที่ออกแบบโดย Aristide Najean อาจดูเป็นตัวเลขที่สูงในมุมมองของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมด นี่คือการลงทุนในงานศิลปะระดับตำนานที่มีเพียง 5 ชิ้นในโลก แต่ละชิ้นงานสะท้อนถึงการผสานกันของสามมิติที่ล้ำค่า ทั้งมรดกทางวัฒนธรรมที่กำเนิดจากไร่องุ่น Château d’Yquem อายุ 400 ปี ผสานกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่ค้นคว้าวิจัยและพัฒนามาอย่างยาวนาน 30 ปี จนมีการถอดรหัสยีน 60,000 ยีน และกระบวนการผลิตที่ใช้เวลารวม 2,000 ชั่วโมง ซึ่งนับว่าไม่ง่ายเลย ซึ่งการที่สกินแคร์ได้ผสานกับงานศิลปะชั้นสูงผ่านฝีมือของ Aristide Najean ที่ใช้เวลาฝึกฝน 40 ปี ผสานกับทองคำ 24 กะรัต และเทคนิคโบราณที่สืบทอดมาห้าศตวรรษอย่างศิลปะการเป่าแก้วที่ถูกรังสรรค์ด้วยมือทีละชิ้นอีกต่างหาก
หากมองในแง่ของการสะสม นี่ไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์ความงาม แต่เป็นชิ้นงานสะสมที่รวบรวมประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะไว้ด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์แห่งความทุ่มเทของ Dior ในการสร้างสรรค์สิ่งที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ความงาม ด้วยเหตุนี้ มูลค่า 597,000 บาท จึงสะท้อนถึงความพิเศษที่ไม่อาจประเมินค่าได้ของชิ้นงานที่เป็นทั้งนวัตกรรมความงามและงานศิลปะระดับตำนานเลยก็ว่าได้
ภาพ: Courtesy of Dior