×

มีโอกาสแต่ไม่มีสกอร์ ลิเวอร์พูลกับปัญหากองหน้าปืนฝืดที่หนืดกว่าที่คิด

20.12.2023
  • LOADING...
Darwin Nunez

HIGHLIGHTS

7 MIN READ
  • ในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด นูนเญซเล่นผิดและพลาดเต็มไปหมด จังหวะที่ควรยิงไม่กล้ายิง ถูกดักล้ำหน้าง่ายๆ และดูเหมือนจะสูญเสียความเยือกเย็นในการเล่นไปมาก สุดท้ายก็กลายเป็นเกมที่ 10 ติดต่อกันที่เขาทำประตูให้ลิเวอร์พูลไม่ได้
  • นักเตะที่เหมือนจะนิ่งๆ แต่ความจริงแสนสำคัญสำหรับลิเวอร์พูลคือ ดีโอโก โชตา กองหน้าสไตล์มือสังหารในความเงียบ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อ 5 สัปดาห์ที่แล้ว
  • เกมริมเส้นที่เคยเป็นอาวุธหนักนั้นหายไปหมดตั้งแต่มีการปรับระบบมาเล่น 4-3-3 / 3-Box-3 เพราะเทรนต์ถูกขยับมายืนตรงกลาง และเกมทางซ้ายนั้น คอสตาส ซิมิคาสไม่สามารถทดแทนแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันได้ในเรื่องประสิทธิภาพ การสนับสนุนที่น้อยลงค่อยๆ ส่งผลต่อพลังในเกมรุกของลิเวอร์พูล

34 ครั้ง คือจำนวนโอกาสลุ้นทำประตูของลิเวอร์พูลในเกม ‘แดงเดือด’ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไม่มีสักครั้งที่บอลจะผ่านเส้นประตูของทีมคู่แข่งตลอดกาลได้

 

การเสมอในเกมที่แอนฟิลด์นั้นแม้จะไม่ได้ส่งผลเสียมากมายนัก แต่ในเรื่องของสภาพจิตใจส่งผลพอสมควร และทำให้มีการตั้งคำถามกลับมาถึงผลงานที่น่าผิดหวังสำหรับทีมของเจอร์เกน คล็อปป์

 

โดยล่าสุดประเด็นที่กำลังถกเถียงกันสนุกคือ ประสิทธิภาพของผู้เล่นในแนวรุกที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะดี กับชื่อของผู้เล่นอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, โคดี กักโป,​ ดีโอโก โชตา และดาร์วิน นูนเญซ 

 

แต่ตอนนี้คนเดียวที่เป็นที่พึ่งพาของทีมก็ยังเป็นคนเดิมคือ ซาลาห์ที่ ‘รับจบ’ คนเดียวทั้งยิงและจ่าย

 

เกิดอะไรขึ้นกับแนวรุกของ ‘หงส์แดง’

 

 

นูนเญซ 10 นัดไม่มีประตู

 

กองหน้าที่ถูกพุ่งเป้ามากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ดาร์วิน นูนเญซ ในฐานะนักเตะ ‘หมายเลข 9’ ที่ถูกคาดหวังว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นคีย์แมนของทีมได้


ในช่วงก่อนหน้านี้ดาวยิงชาวอุรุกวัยทำผลงานได้ค่อนข้างร้อนแรง โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่ได้โอกาสลงเป็นตัวสำรองแล้วพลิกสถานการณ์ท้ายเกมเหมา 2 ประตูให้ลิเวอร์พูลบุกไปแซงเอาชนะนิวคาสเซิลได้ถึงเซนต์เจมส์พาร์ก ซึ่งช่วยเรียกความมั่นใจให้กับนูนเญซได้อย่างมาก

 

Thank you for your support! ประโยคขอบคุณน่ารักๆ ที่ทำให้แฟนบอลเดอะค็อปประทับใจ นำไปสู่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับกองหน้าค่าตัวมหาศาลจากเบนฟิกาถึง 64 ล้านปอนด์ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลงานที่ดีกับทีมชาติอุรุกวัย เพราะได้การแนะแนวจากมาร์เซโล บิเอลซา ปรมาจารย์ลูกหนังที่ติวให้เป็นการส่วนตัว

 

แต่ปัญหาสำหรับนูนเญซคือเรื่องของความมั่นใจ ซึ่งความมั่นใจที่สะสมมาก่อนหน้านี้ค่อยๆ ถูกทำให้หายไป จากการที่มีโอกาสจะทำประตูได้หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่สามารถจบสกอร์ได้จริงๆ

 

ถึงจะมีส่วนร่วมกับเกม บางนัดเป็นผู้แอสซิสต์ช่วยให้เพื่อนทำประตู แต่สุดท้ายชีวิตของกองหน้าคือการยิงประตู เมื่อทำประตูไม่ได้ความมั่นใจก็เริ่มหาย และสำหรับนักเตะที่อารมณ์พลุ่งพล่านอย่างนูนเญซ ยิ่งทำไม่ได้ก็ยิ่งหงุดหงิด

 

ในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด นูนเญซเล่นผิดและพลาดเต็มไปหมด จังหวะที่ควรยิงไม่กล้ายิง ถูกดักล้ำหน้าง่ายๆ และดูเหมือนจะสูญเสียความเยือกเย็นในการเล่นไปมาก สุดท้ายก็กลายเป็นเกมที่ 10 ติดต่อกันที่เขาทำประตูให้ลิเวอร์พูลไม่ได้

 

ผลงานนี้ต้องบอกว่าไม่ดีเลย แต่ในมุมของเป๊ป ไลน์เดอร์ส มือขวาของคล็อปป์ไม่เห็นด้วยกับเสียงวิจารณ์ เพราะหากจะมองให้ยุติธรรมจริงๆ ควรจะมอง ‘ประโยชน์’ ของเขาที่มีต่อทีม ซึ่งดาวยิงขวัญใจแฟนๆ (ในความเป็นจอมปั่นที่น่ารัก) ทำได้ดีขึ้นแทบทุกด้านเมื่อเทียบกับฤดูกาลที่แล้ว

 

ไม่ว่าจะเป็นการหาโอกาสในการทำประตู การประสานงานกับเพื่อนโดยเฉพาะคีย์แมนอย่างซาลาห์ การมีส่วนร่วมในเกมรุก การเชื่อมเกม ไปจนถึงการลงไปช่วยในเกมรับ

 

แต่นั่นก็ไม่สามารถปฏิเสธข้อเท็จจริงได้ว่า นูนเญซไม่มีสกอร์ และสิ่งที่เขาต้องทำคือการจบสกอร์ให้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะเทคนิคของการยิงที่ไม่สามารถจะอาศัยการยิงที่หนักแน่นอย่างเดียว บางครั้งยิงไม่ต้องแรงแต่ทิศทางดีก็สามารถมีสกอร์ได้เหมือนกัน

 

 

เทพลีลา หาสกอร์ไม่เจอ

 

แต่นูนเญซไม่ใช่คนเดียวที่มีปัญหา!

 

เพราะสตาร์อย่าง ลูอิส ดิอาซ และโคดี กักโปเองก็หนืดไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ดีไม่ดีหนืดกว่าด้วย เพราะฟอร์มของทั้งสองในฤดูกาลนี้ดรอปลงจากในฤดูกาลก่อนพอสมควร

 

ในรายของดิอาซ ความจริงถือว่าเริ่มต้นฤดูกาลได้ดี เป็นคนทำประตูแรกในเกมกับเชลซี ซึ่งต่อยอดจากช่วงพรีซีซันที่มีชื่อบนสกอร์บอร์ดบ่อยครั้ง และทำให้ถูกจับตามองว่าน่าจะมีสกอร์มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะด้วยระบบการเล่นใหม่ดูเหมือนปีกชาวโคลอมเบียจะถูกขยับให้เข้ามาหาโอกาสจบสกอร์ในกรอบเขตโทษมากขึ้น

 

แต่เล่นไปเล่นมาตอนนี้ดิอาซกลับมาเป็นจอมม้วนเหมือนเดิม ประตูสุดท้ายในลีกที่เขาทำได้เป็นประตูสุดดราม่าในเกมที่ไล่ตีเสมอลูตัน ทาวน์ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งมีความพิเศษเพราะเป็นเกมที่กลับมาลงสนามช่วยทีมครั้งแรกหลังเกิดเหตุพ่อถูกลักพาตัว และใน 8 นัดหลังสุดมีสกอร์แค่ลูกเดียวในเกมยูโรปาลีกกับลัสก์ ซึ่งเป็นเกมที่ไม่ได้ยากด้วย

 

ปัญหาของดิอาซยังคงเป็นการเล่นตามใจฉันตามประสาปีกศิลปิน เน้นการครองบอลและพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยการลากเลื้อย ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจ แต่บ่อยครั้งเข้าก็พานเสียจังหวะกันไปหมด อีกทั้งดิอาซยังมีปัญหาเรื่องของบอลสุดท้ายไม่มีคุณภาพมากเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการเปิดหรือการยิง

 

ขณะที่กักโปถือว่าเป็นผู้ประสบภัยในฤดูกาลนี้ เพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บช่วงต้นฤดูกาล เมื่อกลับมาตำแหน่งก็กลายเป็นของนูนเญซไปแล้ว โดยที่คล็อปป์ปักใจว่าจะใช้งานกองหน้าอุรุกวัยเป็นตัวหลักในบทหมายเลข 9 ทำให้เขาต้องถูกปรับบทบาทไปเรื่อยๆ

 

กองหน้าจอมเทคนิคชาวเนเธอร์แลนด์ต้องถูกสลับไปเล่นในบทอื่น เช่น ปีกซ้ายบ้าง กองกลางตัวรุกฝั่งซ้ายบ้าง ขวาบ้าง แล้วแต่ว่าตำแหน่งไหนจะขาด ซึ่งแม้กักโปจะเป็นนักเตะที่มีความสารพัดประโยชน์สูง แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา

 

ประตูในลีกนัดสุดท้ายของเขาคือเกมที่พ่ายท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในวันที่ 30 กันยายนเลยทีเดียว และ 10 นัดหลังสุดเขาทำได้แค่ 2 ประตู ซึ่งก็เหมือนดิอาซคือมาในเกมกับลัสก์เช่นกัน

 

 

Joker ที่หายไป

 

นักเตะที่เหมือนจะนิ่งๆ แต่ความจริงแสนสำคัญสำหรับลิเวอร์พูลคือ ดีโอโก โชตา กองหน้าสไตล์มือสังหารในความเงียบ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ในเกมกับเบรนท์ฟอร์ดเมื่อ 5 สัปดาห์ที่แล้ว

 

ในเกมนั้นกองหน้าโปรตุกีสยิงได้ และเป็นประตูที่ 8 ของเขาในฤดูกาลนี้ ถือเป็นนักเตะที่ยิงได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีมรองจากซาลาห์ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า โชตาเป็นนักเตะที่มีความสำคัญในการแบ่งเบาภาระเรื่องการจบสกอร์ของทีมได้มาก และการขาดหายไปของเขาในช่วง 5 สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นช่วงที่ลิเวอร์พูลเองเริ่มผลงานหนืดให้เห็นพอดีด้วย

 

ภาระในการทำประตูตกไปอยู่กับซาลาห์เป็นส่วนใหญ่ อาจมีผู้เล่นคนอื่นผลัดกันขึ้นมาช่วยทำประตูบ้าง เช่น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ในช่วงที่ยังใส่ Predator สีขาว), เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ไปจนถึง วาตารุ เอ็นโด และฮาร์วีย์ เอลเลียตต์

 

แต่ถ้ามีนักเตะอย่างโชตาอยู่ในทีม บางครั้งอาจไม่ใช่เกมที่เล่นได้โดดเด่น หรือบางครั้งอาจเป็นตัวสำรองที่ถูกส่งลงสนามมา แต่นักเตะที่เล่นเกมเก่งพอๆ กับการเล่นในสนาม จะเป็นคนที่หาโอกาสในการทำประตูได้บ่อยๆ อาจมาบ้างไม่มาบ้างก็ยังดีกว่าไม่มาเลย

 

ข่าวดีในข่าวร้ายคือโชตาใกล้จะหายบาดเจ็บกลับมาแล้ว และอาจมีชื่อในเกมกับอาร์เซนอลคืนวันเสาร์นี้ (23 ธันวาคม)

 

 

ซาลาห์รับจบ

 

คนที่ยังเป็นที่พึ่งพาสำหรับลิเวอร์พูลเสมอ คือคนเดียวกับที่มีกระแสข่าวการย้ายไปซาอุดีอาระเบีย และแฟนบอลบางส่วนมองว่าเป็นข้อเสนอที่ดีสำหรับทีม

 

ซาลาห์ในฤดูกาลนี้มีการปรับเปลี่ยนบทบาทการเล่นของตัวเองพอสมควร โดยเน้นการมีส่วนร่วมกับการสร้างสรรค์เกมในฐานะ ‘The Creator’ ที่จะทำเกมในสไตล์ของตัวเองด้วย ไม่ได้รออยู่ริมเส้นเพื่อทะลวงเกมรับคู่ต่อสู้เพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน

 

การสร้างสรรค์สะท้อนจากจำนวนแอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ ที่ยังไม่ถึงครึ่งทางที่ทำไปแล้ว 8 ครั้ง ไม่นับการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอีกมาก โดยเฉพาะคนที่เซนส์ตรงกันอย่างนูนเญซ

 

อย่างไรก็ดี การที่ซาลาห์ทำได้ทุกอย่างแบบ ‘รับจบ’​ คนเดียว ก็ทำให้ปัญหาของลิเวอร์พูลย้อนกลับไปที่เดิม เพราะความรับผิดชอบในเรื่องของการทำประตูค่อยๆ กลับมาตกอยู่กับเขามากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะในเรื่องของการทำสกอร์เองหรือการสร้างสรรค์เกม

 

ในขณะที่ทีมเริ่มค่อยๆ มีปัญหาทีละจุด ซึ่งไม่เฉพาะกองหน้าคนอื่นๆ ที่ปืนฝืด กองกลางอย่างโดมินิก โซโบสไล และไรอัน กราเฟนแบร์ก ที่เหมือนจะเริ่มต้นได้ดีกับชีวิตในแอนฟิลด์ ก็ค่อยๆ ฟอร์มดรอปลงมา ขณะที่ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ก็เหมาะกับการลงมาเป็นตัวเปลี่ยนเกมมากกว่าจะเป็นตัวหลัก 

 

ส่วนเกมริมเส้นที่เคยเป็นอาวุธหนักนั้นหายไปหมดตั้งแต่มีการปรับระบบมาเล่น 4-3-3 / 3-Box-3 เพราะเทรนต์ถูกขยับมายืนตรงกลาง และเกมทางซ้ายนั้น คอสตาส ซิมิคาส ไม่สามารถทดแทนแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันได้ในเรื่องประสิทธิภาพ

 

การสนับสนุนที่น้อยลง ค่อยๆ ส่งผลต่อพลังในเกมรุกของลิเวอร์พูล ซึ่งในระยะหลังต้องแก้ไขสถานการณ์กันอุตลุด การพลิกสถานการณ์กลับมาในเกมได้ถือเป็นเรื่องที่ชุบชูใจ แต่ในอีกทางก็สะท้อนว่าทีมยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะจัดการปิดเกมทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ดี ถึงภาพรวมกองหน้าของลิเวอร์พูลจะดูมีปัญหา และอารมณ์ผิดหวังจากเกมแดงเดือดยังคุกรุ่น แต่ทีมของคล็อปป์ในเวอร์ชัน 2.0​ ก็ยังเป็นรองจ่าฝูง โดยที่มีโอกาสแก้ตัวในเกมสุดสัปดาห์นี้ที่จะพบกับอาร์เซนอล ซึ่งจะเป็นเกมชิงดำยกแรกในช่วงก่อนคริสต์มาส ที่มีสถิติที่น่าสนใจว่าหากทีมใดที่ได้ครองจ่าฝูงในวันบ็อกซิ่งเดย์ ก็มีโอกาสจะเป็นแชมป์ในบั้นปลายฤดูกาลสูง

 

ถ้าวันนั้นกองหน้าคนไหนสักคนที่ไม่ใช่ซาลาห์ช่วยทำประตูได้ เดี๋ยวทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้นเอง

 

แต่อย่าลืมคืนนี้ที่ต้องเจอของหนักอย่างเวสต์แฮมในเกมลีกคัพก่อน บอกเลยว่าไม่ง่าย!

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising