วันที่ 14 พฤษภาคม 2022 เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ 2021/22 โดยเป็นการพบกันระหว่าง เชลซี ทีมอันดับ 3 ของศึกพรีเมียร์ลีก ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเจ้าของสโมสร พบกับ ลิเวอร์พูล ที่ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เก็บทั้งหมด 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว
นอกจากนี้ยังเป็นรีแมตช์นัดชิงฯ คาราบาว คัพ ที่ลิเวอร์พูลเอาชนะการดวลจุดโทษเชลซี จนคว้าแชมป์แรกในฤดูกาลนี้ไปครองก่อนหน้านี้
ลิเวอร์พูลวันนี้ใช้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ติอาโก อัลกันตารา และ นาบี เกอิตา ลงในแดนกลาง ส่วน 3 ประสานแดนหน้าเป็น หลุยส์ ดิอาซ, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน โดยขาด ฟาบินโญ ที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บจากเกมลีกนัดล่าสุด
เชลซีขาด ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่ได้รับบาดเจ็บแฮมสตริงก่อนเกม จนหมดสิทธิ์ลงช่วยทีมในเกมนี้ และได้ส่งเอา โรเมลู ลูกากู, คริสเตียน พูลิซิช และ เมสัน เมาท์ ลงสนามในแดนหน้า
เริ่มเกม 10 นาทีแรก ลิเวอร์พูลครองเกมบุกได้มากกว่า โดยเฉพาะฝั่งของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ใช้ความเร็วโจมตีเกมรับของเชลซีจนเกือบได้ประตูหลายจังหวะ
เกมผ่านไปครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูลต้องเสีย โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้รับบาดเจ็บโคนขาหนีบจนต้องเปลี่ยนตัว และ เจอร์เกน คล็อปป์ ได้ส่งเอา ดีโอโก โชตา ลงสนามมาแทน
ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า โดยเฉพาะเกมในแดนกลาง และการขึ้นบอลทางฝั่งซ้าย แต่ยังไม่สามารถเจาะเกมรับของเชลซีได้
ช่วงเวลาที่เหลือเกมสูสีมากขึ้น โดยเฉพาะเชลซีที่สร้างโอกาสทำประตูได้ แต่สุดท้ายครบ 45 นาทีแรกยังไม่มีประตูเกิดขึ้น เสมอกัน 0-0 ในครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลัง เชลซีครองเกมบุกได้มากกว่าตั้งแต่ต้น ได้โอกาสยิง 3 ครั้งใน 3 นาทีแรก แต่ยังไม่เป็นประตู
นาทีที่ 66 โธมัส ทูเคิล ปรับเอา เอ็นโกโล ก็องเต ลงแทน มาเตโอ โควาซิช ขณะที่ลิเวอร์พูลปรับเอา เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาแทน เกอิตา ในนาทีที่ 74
ช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูลได้โอกาสบุกเข้าใส่มากกว่า โดยเฉพาะดิอาซที่ได้โอกาสยิงเป็นครั้งที่ 6 ในเกมนี้ แต่ยังไม่เข้ากรอบ ใส่สกอร์ให้ทีมยังไม่สำเร็จ จนครบ 90 นาทีไม่มีประตูเกิดขึ้น ต้องไปตัดสินในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาลิเวอร์พูลต้องปรับทัพเอา เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ออก และส่ง โจเอล มาติป ลงมาแทน
แต่สุดท้าย 30 นาทีผ่านไปก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น จนทั้ง 2 ทีมต้องตัดสินแชมป์กันด้วยการดวลจุดโทษอีกครั้ง
ผลการดวลจุดโทษเป็นลิเวอร์พูลที่ยิงได้ดีกว่า เอาชนะการดวลจุดโทษไปด้วยสกอร์ 6-5 คว้าแชมป์เอฟเอคัพฤดูกาลนี้ไปครอง
