×

หรือไม่ใช่แค่ลิเวอร์พูล เพราะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็กำลังมีปัญหาขาลงเหมือนกัน?

06.02.2023
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Min Read
  • เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ ศูนย์หน้าพระกาฬที่เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงที่สุด ไม่มีโอกาสที่จะได้ลุ้นจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียวในเกมที่แพ้สเปอร์ส
  • หากเราตัดประเด็นเรื่องการ ‘แพ้ทาง’ ไป ดูเหมือนแมนฯ ซิตี้ จะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่อาจเป็นอันตรายกับพวกเขาเอง เพราะทีมของเป๊ปเมื่อคืนนี้เล่นไม่เหมือนทีมของเป๊ปเลย
  • เนดุม โอนูโอฮา คอมเมนเตเตอร์ทางรายการ Match of the Day ช่อง BBC มองว่า ตอนนี้แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นทีมเก่าของเขาด้วย เริ่มดูเป็นทีมที่ ‘เหมือนมนุษย์’ กับเขาขึ้นมาหน่อย

ถึงแม้จะไม่เต็มใจนัก แต่สาวก Gooners ทั่วโลกต่างก็อดขอบคุณคู่ปรับร่วมเมืองอย่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ไม่ได้ หลังมีส่วนช่วยในการที่พวกเขายังไม่ถูกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามไล่กดดันมากระชั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อ แฮร์รี เคน ยิงประตูลูกที่ 267 ให้สโมสร กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลคนใหม่ให้เอาชนะแชมป์เก่าได้ 1-0

 

อย่างไรก็ดี นอกจากความยอดเยี่ยมของสเปอร์ส ที่แม้ อันโตนิโอ คอนเต นายใหญ่ จะยังอยู่ในระหว่างการพักรักษาตัว ก็ยังเล่นตามแผน ซึ่งสะท้อนตัวตนของกุนซือจอมห่ามชาวอิตาลีได้เป็นอย่างดี ในมุมตรงข้าม แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา กลับสะท้อนให้เห็นภาพที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

 

สิ่งที่เป็นเครื่องสะท้อนที่ชัดเจนที่สุดคือการที่ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ ศูนย์หน้าพระกาฬที่เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงที่สุด ไม่มีโอกาสที่จะได้ลุ้นจบสกอร์แม้แต่ครั้งเดียวในเกมนี้ 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ฮาลันด์ยัง

 

  • ไม่มีโอกาสสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษของคู่ต่อสู้แม้แต่หนเดียว เป็นครั้งแรกนับจากที่ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกเลย
  • ผ่านบอลแค่ 12 ครั้ง
  • ในการผ่านบอลจำนวนนั้นมีแค่ 2 ครั้งที่เป็นการจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย (Final Third) 

 

ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กองหน้าชาวนอร์เวย์จะดูหงุดหงิดและผิดหวัง กับการที่เพื่อนไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสหรือสนับสนุนให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองในกรอบเขตโทษ ซึ่งทำให้ แกรี เนวิลล์ นักวิเคราะห์ทาง Sky Sports แอบตั้งคำถามเชิงรุกเอาไว้น่าสนใจ

 

คำถามของเนวิลล์ไม่ได้มีถึงฮาลันด์ แต่เป็นคำถามถึงเพื่อนร่วมทีมของเขามากกว่า

 

“ฮาลันด์มีการขยับตัว เขาพร้อมที่จะไป แต่พวกเขา (นักเตะแมนฯ ซิตี้) ไม่ยอมเล่นในจังหวะนั้น” เนวิลล์มองเกม “จำนวนการวิ่งของเขาที่ถูกเมินเฉยนั้นน่าเหลือเชื่อ” 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงผลงานในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกของกองหน้าชาวนอร์เวย์ โดยเฉพาะช่วงก่อนฟุตบอลโลกที่ยิงไม่หยุดจนทุบสถิติมากมายแทบทุกนัด

 

และนั่นนำไปสู่คำถามสำคัญว่า ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้?

 

แต่ก่อนจะลงไปในรายละเอียดปัญหา อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ แมนฯ ซิตี้ กับการมาเยือนสเปอร์สในสนามท็อตแนมฮอตสเปอร์สเตเดียมที่ลอนดอนนั้นเป็นเหมือนของแสลง พวกเขามาเยือนที่นี่ 5 ครั้ง แพ้รวด โดยที่ยิงประตูไม่ได้เลย

 

เป๊ปเองมีการบ่นถึงเรื่องนี้ว่า การลงมาเยือนลอนดอนนั้นเป็นเรื่องที่เหนื่อยล้าอย่างมาก แต่นัดอื่นที่ชนะก็ไม่เคยเห็นบ่นแบบนี้?

 

แต่หากเราตัดประเด็นเรื่องการ ‘แพ้ทาง’ ไป ดูเหมือนแมนฯ ซิตี้ จะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่อาจเป็นอันตรายกับพวกเขาเอง เพราะทีมของเป๊ปเมื่อคืนนี้เล่นไม่เหมือนทีมของเป๊ปเลย

 

นอกจากจะไม่สามารถทำประตูได้แล้ว พวกเขายังสร้างสรรค์เกมไม่ได้ด้วย แทบไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับนักเตะสเปอร์สได้เลย และหนักข้อที่สุดคือการเล่นของผู้เล่นทุกคนนั้นดูต่ำกว่ามาตรฐานอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยเป็นนักเตะในระดับเสาหลักอย่าง แบร์นาโด ซิลวา หรือ โรดรี

 

เควิน เดอ บรอยน์ เป็นตัวสำรองในเกมนี้ และไม่สามารถช่วยทีมได้

 

หรือแม้แต่ เควิน เดอ บรอยน์ นักเตะหมายเลขหนึ่งของทีม เกมนี้เป็นอีกนัดที่ต้องเริ่มต้นจากการเป็นตัวสำรอง และแม้การลงมาของเขาในช่วงครึ่งหลังจะช่วยทำให้ซิตี้ดูมีอะไรขึ้นบ้าง แต่ร่างที่ไม่ใช่ร่างทองของสตาร์ชาวเบลเยียมก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับทีมได้ ในทางตรงกันข้ามเขายังมีการ ‘หลุด’ เล่นพลาดในหลายๆจังหวะ

 

ไม่เฉพาะเดอ บรอยน์ คนเดียวที่มีปัญหา แต่นักเตะซิตี้ทั้งทีมจังหวะการเล่นขาดความเฉียบคมอย่างน่าตกใจ ซึ่งหากมันจะเป็นเรื่องของวันที่หลุดฟอร์มก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ในระยะหลังพวกเขาเป็นบ่อยจนชวนให้คิดว่านี่อาจเป็นช่วง ‘ขาลง’ ของพวกเขาเหมือนกัน แค่ยังไม่เลวร้ายสาหัสเหมือนลิเวอร์พูลที่แทบล่มสลายในฤดูกาลนี้

 

ตามความเห็นจาก เนดุม โอนูโอฮา คอมเมนเตเตอร์ทางรายการ Match of the Day ช่อง BBC มองว่า ตอนนี้แมนฯ ซิตี้ ซึ่งเป็นทีมเก่าของเขาด้วย เริ่มดูเป็นทีมที่ ‘เหมือนมนุษย์’ กับเขาขึ้นมาหน่อย

 

ที่บอกแบบนั้นเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาซิตี้และลิเวอร์พูลทำผลงานในระดับที่เหนือมนุษย์อย่างมากโดยเฉพาะในฤดูกาลที่พวกเขาขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นชนิดตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ยอมให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าเกมนั้นจะเล่นดีหรือไม่ดี พวกเขาก็จะเก็บชัยชนะได้เสมอ

 

แต่ในฤดูกาลนี้มาตรฐานการเล่นของพวกเขาค่อยๆ ตกลงอย่างมีนัยสำคัญ และเริ่มเห็นการสะดุดได้บ่อยขึ้นมากจนเริ่มเอะใจ

 

ในประเด็นเรื่องการหลุดฟอร์มของซิตี้นั้นถูกนักวิเคราะห์มองว่าเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน

 

  • การอิ่มตัวและเริ่มฟอร์มตกของนักเตะระดับแกนหลักหลายคน จบฤดูกาลนี้คาดว่าจะมีสตาร์หลายคนที่ย้ายออกจากทีม ซึ่งรวมถึง อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาโด ซิลวา และ อายเมอริค ลาปอร์ต
  • เป๊ปเหมือน ‘คิดมากจนเกินไป’ ในหลายเรื่อง ทั้งแท็กติกไปจนถึงการพยายามใช้นักเตะที่คุณภาพดูด้อยกว่าตัวหลักเดิมอย่าง มานูเอล อาคานจี และ นาธาน อาเก ในแนวรับ ซึ่งผลงานในเชิงประจักษ์คือการที่ตัวเลขสถิติการเสียประตูเพิ่มเป็น 1 ประตูต่อนัดในฤดูกาลนี้ เมื่อเทียบกับคู่ของ รูเบน ดิอาส และลาปอร์ต ที่ค่าเฉลี่ยการเสียประตูอยู่ที่ 0.68 ประตูต่อนัดในฤดูกาลที่แล้ว
  • ระบบการเล่น 4-4-2 ที่พยายามใช้ไม่ได้ผล โรดรีและซิลวาเจอศึกรอบด้านมากเกินไป
  • เกมทางซ้าย แจ็ค กรีลิช ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนมากพอ และตัวของเขาเองก็ทำอะไรได้น้อยมากเมื่อต้องเจอกับการประกบติดแบบสู้ไม่ถอยของ เอเมอร์สัน รอยัล
  • ฮูเลียน อัลวาเรซ ในการยืนกองหน้าตัวต่ำแทบไม่เป็นประโยชน์

 

เป๊ปเริ่มคุยกับตัวเอง หลังทีมทำอะไรไม่ได้เลย

 

และสุดท้ายคือฮาลันด์ที่แทบทำอะไรไม่ได้เลยในเกมนี้ และเป็นอีกหนึ่งนัดในระยะหลังที่เขาดูเป็นปัญหา หรืออาจจะบอกว่าเป็นโจทย์ที่เป๊ปยังหาทางแก้ไขสมการไม่ถูก 

 

แต่! มันก็จะย้อนกลับไปว่า ก่อนฟุตบอลโลกเมื่อปลายปีฮาลันด์ยังยิงเป็นกอบเป็นกำอยู่เลย ดังนั้นจะบอกว่าฮาลันด์เป็นรากของปัญหาก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด

 

จุดหนึ่งที่น่าคิดคือเรื่องการปล่อย ชูเอา คันเซโล ฟูลแบ็กที่เป็นหนึ่งในตัวทำเกมที่ดีที่สุดของแมนฯ ซิตี้ ออกไปให้บาเยิร์น มิวนิก ยืมใช้งานแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยพร้อมออปชันในการซื้อขาด จะเป็นหนึ่งในชนวนปัญหาหรือไม่? โดยเฉพาะในเรื่อง ‘บรรยากาศ’ ภายในทีมที่ดูแตกต่างไปจากเดิม

 

หากให้คิดแบบแย่ๆ ก็ชวนคิดว่านักเตะซิตี้อาจเริ่มไม่อยากเล่นเพื่อเป๊ปขึ้นมา เหมือนที่นักเตะลิเวอร์พูลเองไม่เล่นเพื่อคล็อปป์อีกต่อไป

 

ในอีกมุมเป๊ปอาจอยู่ระหว่างการทดลองระบบใหม่ อัปเดตเฟิร์มแวร์ของแมนฯ ซิตี้ ให้เป็นเวอร์ชันใหม่ในระหว่างนี้ที่พอรู้แล้วว่าทีมจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหลังจากที่นักเตะที่ใช้งานกันมาเริ่มโรยราขึ้นตามเวลา

 

ตลอดมากุนซืออัจฉริยะไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ทุกครั้งที่มีคำถามในเรื่องความสามารถของเขา แมนฯ ซิตี้ ก็จะกลับมาผงาดได้อย่างน่าเกรงขามเสมอ อีกทั้งฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล ยังมีเวลาที่พวกเขาจะโชว์ฝีเท้าและประสบการณ์ให้เห็น

 

ดังนั้นต้องให้เวลากับเป๊ปและทีมว่าความพ่ายแพ้กับสเปอร์สจะเป็นแค่เกมแย่ๆ อีกนัด หรือจะเป็นสัญญาณการเสื่อมในระยะยาว

 

และมันจะย้อนกลับไปถึงบรรทัดแรกว่า ทีมที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากเรื่องนี้คืออาร์เซนอล

 

ในขณะที่แฟนลิเวอร์พูลได้แต่ช้ำใจ ทีตอนข้าเก่งเอ็งไม่แผ่ว มาแผ่วอะไรปีนี้…

 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising