‘เด็กของคล็อปป์’ ยังคงทำผลงานสุดมหัศจรรย์เอาชนะเซาแธมป์ตันไปขาดลอย 3-0 ในเกมเอฟเอคัพ รอบที่ 5 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา แต่ในขณะเดียวกันระยะเวลาที่เหลือสำหรับการหาตัวตายตัวแทนของบอสใหญ่ชาวเยอรมันก็ลดน้อยลงไปอีกวัน
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนแต่อย่างใดในเรื่องของการหาผู้จัดการทีมคนใหม่ แม้ว่าจะมีกระแสข่าวกับตัวเต็งบางรายที่น่าสนใจ เช่น ชาบี อลอนโซ แห่งไบเออร์ เลเวอร์คูเซน และ รูเบน อโมริม จากสปอร์ติง ลิสบอน ซึ่งเป็นกุนซือคนหนุ่มไฟแรงทั้งคู่
นั่นเพราะสิ่งที่ Fenway Sports Group (FSG) เจ้าของสโมสรต้องการคือ การหาผู้อำนวยการสโมสรให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก ในฐานะคนที่จะถือกุญแจเปิดประตูบานต่อไปให้สโมสรว่าจะก้าวเดินไปในทิศทางใด
สิ่งที่น่าสนใจคือ มีรายงานข่าวว่า FSG ได้พยายามติดต่อกับอดีตผู้อำนวยการสโมสรคนเก่าอย่าง ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เป็นคำรบที่ 2 เพื่อขอให้กลับมาช่วยงานที่แอนฟิลด์อีกครั้ง หลังจากที่ได้ลองทาบทามหนแรกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ
โดยที่ความพยายามครั้งนี้จะเป็นการตามง้อครั้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งมีเงื่อนไขที่น่าสนใจ
‘มันสมอง’ ของลิเวอร์พูลจะยอมใจอ่อนกลับมาหรือไม่?
ตามรายงานข่าวจาก The Times เปิดเผยความคืบหน้าที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตามหาผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในปัจจุบันของลิเวอร์พูลว่า ทางด้าน FSG ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะหาคนที่ดีและเหมาะสมที่สุดเข้ามารับตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้แม้จะมีชื่อกับคนในวงการที่โดดเด่นหลายคน แต่ดูเหมือนคนเดียวในใจสำหรับผู้บริหารของแอนฟิลด์ยังคงเป็น ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งอำลาทีมไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังจากที่ทำงานกับสโมสรมาเกินทศวรรษ
นั่นนำไปสู่ความพยายามครั้งแรกเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในช่วงหลังจากที่คล็อปป์ได้ประกาศว่าจะอำลาสโมสรหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ เนื่องจากไม่มั่นใจว่าจะยังเหลือพลังที่จะทำงานแค่ไหน ทาง FSG ได้ทำการติดต่อกับเอ็ดเวิร์ดส์ทันทีเพื่อขอให้กลับมาพยุงสโมสรในบทบาทเดิมคือผู้อำนวยการสโมสร
แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธไปทันทีอย่างไร้เยื่อใย
เรื่องนี้ไม่เคยมีการอธิบายใดๆ จากเอ็ดเวิร์ดส์ที่เก็บตัวเงียบมาตลอด แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านก็ไม่ได้รับงานกับสโมสรใด แม้ว่าจะได้รับการทาบทามจากสโมสรอื่นๆ จำนวนไม่น้อย ซึ่งเหตุผลที่อดีตผู้อำนวยการของลิเวอร์พูลเคยบอกในวันอำลาคือ ต้องการจะพักจากเกมฟุตบอลสักระยะหนึ่ง
งานเดียวที่เขายอมรับคือการเป็นที่ปรึกษาให้กับ Ludonautics บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจกีฬา ซึ่งเป็นของ เอียน เกรแฮม อดีตลูกมือคนสำคัญที่เคยเป็นผู้อำนวยการแผนกวิจัยของสโมสรในระหว่างปี 2012-2023
ทางฟากลิเวอร์พูลเองก็พยายามตามหาผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่ตลอดเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจาก จูเลียน วอร์ด ซึ่งเป็นมือขวาของเอ็ดเวิร์ดส์ที่ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ประกาศอำลาสโมสรตามไปอย่างน่าประหลาดใจทั้งๆ ที่รับตำแหน่งได้เพียงแค่ปีเดียว
ในช่วงที่ผ่านมามีเพียง ยอร์ก ชมัดท์เค ซึ่งเป็นคนรู้จักของ เจอร์เกน คล็อปป์ ขึ้นมารับตำแหน่งแทนเป็นการชั่วคราว โดยดูแลสโมสรในช่วงตลาดการซื้อขายนักเตะในรอบฤดูร้อนและรอบฤดูหนาว ก่อนจะอำลาสโมสรไปเมื่อสิ้นสุดเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลจะทบทวนเรื่องนี้และมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขบางอย่างที่สำคัญ
สำหรับคล็อปป์ แม้ว่าจะเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมที่เป็นที่รักของคนหมู่มาก แต่ในแง่ของการทำงานแล้ว คนที่ทำงานร่วมกับกุนซือชาวเยอรมันจะประสบปัญหาใหญ่ นั่นคืออำนาจและบารมีของเขาที่เหนือกว่าคนอื่น
ในโครงสร้างของลิเวอร์พูล ผู้จัดการทีมจะต้องทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งในศักดิ์และสิทธิ์แล้วถือว่าเทียบเท่ากัน มีความสำคัญพอๆ กัน ต่างกันแค่เวทีที่เล่น เป็นเรื่องของเกมในสนามกับเรื่องของเกมนอกสนามเท่านั้น
ย้อนกลับไปในช่วงแรกที่คล็อปป์ร่วมงานกับเอ็ดเวิร์ดส์ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เราได้เห็นดีลที่ยอดเยี่ยมจากฝีมือของผู้อำนวยการสโมสรตั้งแต่ดีลสร้างชื่ออย่างการขาย ฟิลิปป์ คูตินโญ ให้กับบาร์เซโลนา ได้เงินกลับมา 145 ล้านปอนด์ พร้อมเงื่อนไขห้ามดึงตัวนักเตะลิเวอร์พูลอีก 2 ปี ซึ่งตรงกับใจของบอสใหญ่ชาวเยอรมันที่มีปมเรื่องการโดนทีมใหญ่กว่ามาดูดนักเตะไป
เงินจำนวนดังกล่าวที่ได้มายังถูกนำไปใช้ในการดึงตัว เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสสัน เบ็คเกอร์ ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำลิเวอร์พูลไปสู่ความสำเร็จ กวาดได้อีกถึง 7 แชมป์ตั้งแต่ฤดูกาล 2018-2019 จนถึงปัจจุบัน และยังมีโอกาสลุ้นได้อีกถึง 3 แชมป์
อย่างไรก็ดี มีกลิ่นของปัญหาเกิดขึ้นระหว่างคล็อปป์กับเอ็ดเวิร์ดส์ โดยเฉพาะเรื่องของการต่อสัญญานักเตะบางรายที่อายุมาก ซึ่งกรณีที่เหมือนจะเป็นจุดแตกหักคือการที่คล็อปป์กดดันให้สโมสรต่อสัญญากับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม ในขณะที่เอ็ดเวิร์ดส์ไม่เห็นด้วยและคัดค้าน
สุดท้ายเฮนเดอร์สันได้รับสัญญาระยะยาวถึง 3 ปีในวันที่ 31 สิงหาคม 2021
หลังจากนั้นอีก 3 เดือนเอ็ดเวิร์ดส์ประกาศอำลาสโมสรหลังสิ้นสุดฤดูกาลทันที
นั่นเป็นการบอกทางอ้อมถึง ‘อำนาจ’ ของคล็อปป์ในสโมสรที่เริ่มอยู่เหนือการควบคุมไปแล้ว
ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ถัดมาลิเวอร์พูลแต่งตั้ง จูเลียน วอร์ด ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ซึ่งเหมือนน่าจะดีแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอำลาสโมสรในแบบเดียวกับลูกพี่อย่างเอ็ดเวิร์ดส์ไปอีกคน
การแต่งตั้งชมัดท์เค ซึ่งเป็นคนที่คล็อปป์รู้จักตั้งแต่การทำงานในสมัยอยู่บุนเดสลีกา เป็นการสะท้อนว่าฝ่ายบริหารของลิเวอร์พูลต้องพยายามหาคนที่ทำงานกับคล็อปป์ได้เป็นคุณสมบัติแรก
แต่เมื่อคล็อปป์กำลังจะไปแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมองหาคนในเงื่อนไขนั้นอีกแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ทาง FSG คิดถึงเอ็ดเวิร์ดส์อีกครั้ง ในฐานะคนที่อยู่เบื้องหลังการก่อสร้างวางอิฐจนลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งผ่านวิสัยทัศน์ของเขา
โดยที่ความพยายามง้อครั้งที่ 2 จะมีการปรับเปลี่ยนขอบเขตในการทำงานใหม่
ตามรายงานข่าวแล้ว FSG พร้อมที่จะขยายขอบเขตในการบริหารงานให้เอ็ดเวิร์ดส์ใหม่ในการควบคุมสโมสรทั้งหมด โดยที่มีความท้าทายเรื่องของการประคองลิเวอร์พูลในช่วงของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคหลังคล็อปป์ที่ท้าทายอย่างยิ่ง และเชื่อว่าน่าจะพอดึงดูดใจให้กลับมารับงานที่เดิมอีกครั้ง
แต่หากเอ็ดเวิร์ดส์ยังไม่รับข้อเสนอครั้งนี้ FSG จะตัดใจและเดินหน้าหาคนที่จะมารับตำแหน่งผู้อำนวยการสโมสรคนอื่นแทน แม้ว่าจะยังไม่โดนใจกับใครเลยก็ตาม ซึ่งก็มีชื่อของ เฟรเดริก มาสซารา อดีตผู้อำนวยการสโมสรเอซี มิลาน และ ฟลอร็องต์ กิโซลฟี จากสโมสรนีซ ที่อยู่ในข่าย
คาดว่าเรื่องของการเลือกผู้อำนวยการสโมสรคนใหม่นี้จะต้องจบภายในต้นเดือนมีนาคมนี้ เพราะยังมีเรื่องของการเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ ไปจนถึงการต่อสัญญากับแกนหลักของสโมสรที่เหลือระยะเวลาในสัญญาอีกไม่นานอย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ รออยู่
ถ้าเลือกได้ไม่ว่าจะ FSG หรือแฟนลิเวอร์พูลเองก็อยากเห็นเอ็ดเวิร์ดส์กลับมา และเชื่อว่าจะเป็นข่าวดีที่เพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับสโมสรได้อีกมากมาย เพราะผลงานเป็นที่ประจักษ์แล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่ใจของอดีตผู้อำนวยการสโมสรมือทองคนนี้
อ้างอิง:
- https://theathletic.com/5305501/2024/02/28/liverpool-manager-sporting-director-latest-amorim-nagelsmann/
- www.thetimes.co.uk/article/michael-edwards-liverpool-return-7dgkrmb0l