เมื่อคืนนี้ (21 ธันวาคม) ศึกฟุตบอลฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 2019 (แชมป์สโมสรโลก) เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเป็นการพบกันระหว่างลิเวอร์พูล ตัวแทนจากทวีปยุโรป ในฐานะแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19 พบกับฟลาเมงโก ตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้ ที่มาในฐานะแชมป์โกปา ลิเบร์ตาโดเรส ฤดูกาล 2019 ซึ่งแข่งขันกันที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล ประเทศกาตาร์
โดยช่วงเวลา 90 นาที ปรากฏว่าทั้งสองทีมไม่สามารถทำสกอร์ใส่กันได้ จนการแข่งขันต้องยืดเยื้อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งในนาทีที่ 99 เป็นจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน รับบอลยาวจาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนพาบอลทะลุเข้ากรอบเขตโทษและตวัดกลับมาให้ โรแบร์โต เฟียร์มิโน ที่วิ่งเติมขึ้นมา จากนั้นกองหน้าชาวบราซิลได้ล็อกหลบกองหลังของฟลาเมงโก และยิงเข้าไปอย่างสวยงาม พาทีมขึ้นนำ 1-0 ซึ่งประตูนี้ทำให้เฟียร์มิโนกลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรที่ทำสกอร์ได้ในนัดชิงชนะเลิศศึกชิงแชมป์สโมสรโลก
หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้ จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะฟลาเมงโกไปได้ 1-0 คว้าแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพไปครองได้สำเร็จเป็นสมัยแรก พร้อมสร้างสถิติเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่สามารถควบแชมป์รายการระดับทวีปได้ถึง 3 รายการในรอบปีปฏิทินเดียวกัน ได้แก่ แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และแชมป์ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ
นอกจากนี้ เจอร์เกน คลอปป์ ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “เป็นอีกครั้งที่เด็กๆ ของเราแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการเล่นที่เต็มที่
“ผมพยายามจะหาคำพูดที่จะแสดงความเคารพต่อลูกทีมของผม เพราะมันเป็นอะไรที่น่าทึ่ง เราทำในสิ่งที่ดีมากมาย ผมเห็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมมาก และผมก็มีความสุขมาก
“มันเป็นเกมที่รุนแรงมากด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป แม้ว่ามันไม่ใช่เกมที่ดีที่สุดที่เราเคยเล่น แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราชนะ และนี่เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมสำหรับสโมสรของเรา ผมพูดไปก่อนหน้านี้ว่าผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคือความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นอย่างแท้จริง ผมภูมิใจในตัวเด็กๆ”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
