ความย้อนแย้งของระบบเศรษฐกิจในเวลานี้คือ สัดส่วนของผู้ประกอบการรายย่อย SMEs และ Startups ในประเทศไทย ปัจจุบันมีกว่า 3 ล้านราย ทำให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศมากกว่า 12 ล้านคน ถือว่าเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของไทย แต่ขณะเดียวกัน ‘ตลาดทุน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบกิจการ และเป็นทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุน กลับมีกฎเกณฑ์ที่ทำให้ SMEs และ Startups ไม่สามารถระดมทุนจากผู้ลงทุนในวงกว้างและไม่สามารถนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรองได้ เท่ากับว่ากลุ่มที่จะทำให้เกิดการไหลเวียนของเม็ดเงินมหาศาลกลับเป็นกลุ่มเดียวกันที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เล็งเห็นความจำเป็นของ SMEs และ Startups ในการเข้าถึงแหล่งระดมทุนในตลาดทุน จึงได้ร่วมกับ ก.ล.ต. พัฒนากระดานเทรดหุ้นที่ 3 ในชื่อ LiVE Exchange เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการระดมทุน ช่วยให้ SMEs และ Startups มีช่องทางหาแหล่งเงินทุนใหม่ เปิดโอกาสและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ ขณะเดียวกันนี่จะเป็นมิติใหม่ของการลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะเชื่อว่าธุรกิจ SMEs และ Startups มากมายที่น่าสนใจ เผลอๆ อาจกระโดดจาก LiVE Exchange ไปตลาดต่างประเทศเลยก็เป็นได้
ข้อแตกต่างระหว่าง LiVE Exchange, mai และ SET
ก่อนจะไปถึงคำถามที่ว่า LiVE Exchange จะสร้างช่วยให้ธุรกิจ SMEs และ Startups ประสบความสำเร็จในระยะยาวได้หรือไม่ หรือเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนในอนาคตขนาดไหน ชวนดู 4 ข้อแตกต่าง เพื่อประกอบการตัดสินใจเบื้องต้น
1. ขนาดกิจการ
- LiVE Exchange: ธุรกิจ SMEs และ Startups
- SET และ mai: ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่
2. เกณฑ์การกำกับดูแล
- LiVE Exchange: เพื่อให้กลไกการกำกับดูแลมีความเหมาะสมและไม่เป็นภาระมากเกินไปในการระดมทุน จึงพัฒนาหลักเกณฑ์ภายใต้แนวคิด ‘Light Touch Supervision’ มีการผ่อนปรนเกณฑ์บางเรื่อง และเน้นการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญ อาทิ งบการเงิน อาจจะทำเพียง 2 ครั้ง คือ ครึ่งปีและรายปี การระดมทุนไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน โดยผู้เสนอขายหลักทรัพย์สามารถจัดเตรียมข้อมูลได้ด้วยตนเอง
- SET และ mai: การกำกับดูแลด้วยกฎเกณฑ์ที่เข้มกว่า และมีการติดตามการปฏิบัติตามเกณฑ์ (Full Supervision)
3. ประเภทผู้ลงทุน
- LiVE Exchange: จำกัดประเภทผู้ลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงในการลงทุน โดยพิจารณาจากฐานะทางการเงิน ความรู้ และประสบการณ์ในการลงทุน รวมทั้งมีความเข้าใจในความเสี่ยงในหลักทรัพย์ที่จะลงทุน
- SET และ mai: ผู้ลงทุนทุกประเภท
4. วิธีการซื้อขาย
- LiVE Exchange: ซื้อขายเป็นรอบ (Auction) โดยช่วงแรกจะเปิดซื้อขายวันละหนึ่งรอบในช่วงเช้า ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ในรูปแบบ Prepaid (ผู้ขายต้องมีหุ้นอยู่ในพอร์ตและผู้ซื้อจะต้องมีเงินพร้อมจ่าย) ชำระราคาและส่งมอบภายในวันที่ T
- SET และ mai: ซื้อขายต่อเนื่อง (Continuous Trading) ตามช่วงเวลาที่กำหนดผ่านบริษัทหลักทรัพย์ ชำระราคาและส่งมอบในวันที่ T+2
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อธิบายข้อแตกต่างระหว่าง LiVE Exchange, mai และ SET เรื่องวิธีการซื้อขายและแนวทางป้องกันความเสี่ยงที่ ตลท. เตรียมรับมือไว้ว่า “ยกตัวอย่างการซื้อขาย เช่น เปิดขายช่วงเวลา 10.00-11.30 น. ทั้งดีมานด์และซัพพลายก็ใส่ออร์เดอร์เข้ามาผ่านโบรกเกอร์ หน้าที่ของโบรกเกอร์ต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้ขายมีหุ้นอยู่จริงและผู้ซื้อมีเงินอยู่จริง หลังจากออร์เดอร์มากองรวมกันในระบบ สุดท้ายพอปิดรอบหมดเวลา Auction ระบบจะไปดูว่าออร์เดอร์ฝั่งดีมานด์กับฝั่งซัพพลายอันไหนแมตช์กันมากที่สุดที่ราคาเท่าไร ก็จะออกมาเป็นราคาปิดวันนั้น โดยจะชำระราคาและส่งมอบภายในวันที่ T เนื่องจากมีการตรวจสอบหุ้นและเงินก่อนซื้อขาย หรือแบบ Prepaid ไว้อยู่แล้ว”
ความเสี่ยงในการลงทุนบน LiVE Exchange
ด้วยกฎเกณฑ์การกำกับดูแลบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนบน LiVE Exchange ที่ผ่อนคลายมากกว่า อาจทำให้ช่องโหว่ที่มากกว่าเดิม แมนพงศ์กล่าวว่า ความเสี่ยงในการลงทุนบน LiVE Exchange มีแน่นอน และอาจมีมากกว่าการลงทุนใน SET และ mai ด้วยธรรมชาติของธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่เป็นปกติ ด้วยเหตุนี้ ตลท. จึงวางแนวทางจัดการความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนที่อยากเข้ามาลงทุน ได้แก่
- กำหนดประเภทผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ รวมถึงมี KYC เพื่อให้รับทราบความเสี่ยงในการลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์ มีประสบการณ์ความสามารถในการพิจารณาการลงทุนในเชิงลึกได้ด้วยตัวเอง
- กำหนดรูปแบบการซื้อขายแบบ Auction เพื่อลดความเป็นไปได้ในการปั่นหุ้น
- กำหนดประเภทบัญชีการซื้อขายแบบ Prepaid ต้องฝากเงินหรือหุ้นก่อนลงทุนเท่านั้น
เตรียมความพร้อมก่อนลงสนามจริงให้กับผู้ประกอบการผ่าน LiVE Platform
แพลตฟอร์มเพื่อช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับ SMEs และ Startups เติบโตและมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน
ด้านผู้ประกอบการ SMEs หรือ Startups ที่อยากจะเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือเติบโตผ่านกลไกตลาดทุนอื่นๆ การออกรบโดยไม่เรียนรู้วิชาป้องกันตัวหรือเรียนรู้คู่แข่ง โอกาสบาดเจ็บและแพ้มีมาก โอกาสชนะแทบมองไม่เห็น LiVE Platform เป็นแพลตฟอร์มตัวช่วยเพื่อสร้างองค์ความรู้และเตรียมความพร้อมให้กับ SMEs และ Startups ที่ต้องการเข้าระดมทุนในตลาดทุน ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรกว่า 25 องค์กรชั้นนำ ที่พร้อมพัฒนาบริการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถเข้ามาเรียนรู้และใช้บริการได้ฟรี อาทิ
- Education Platform เสริมรากฐานให้ธุรกิจด้วยแหล่งรวมความรู้พี้นฐานสำหรับผู้ประกอบการในหลายรูปแบบ ทั้งห้องเรียนออนไลน์ (e-Learning) บทความ คลิปความรู้ รวมกว่า 450 ชิ้น ครอบคลุมความรู้และทักษะด้านการทำธุรกิจ อาทิ การจัดการธุรกิจและนวัตกรรม การจัดการการเงินและการระดมทุน การจัดการด้านบัญชี เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา
- Scaling Up Platform สร้างความแกร่งของธุรกิจด้วยบริการที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจเติบโต และสร้างความพร้อมก่อนเข้าตลาดทุน ผ่านการให้ความรู้เชิงลึกในรูปแบบห้องเรียนออนไลน์ รวมถึงส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบงานที่สำคัญในองค์กร อาทิ ระบบบัญชี การเงิน ภาษี การให้คำแนะนำปรึกษาทางธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ และการร่วมในเครือข่ายเจรจาธุรกิจเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโตและเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับผู้ประกอบการ
แมนพงศ์บอกถึงข้อดีของผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการต่างๆ บน LiVE Platform ที่นอกจากจะได้ความรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้จริง ได้ลงมือทำจริง ประเด็นสำคัญคือ รู้ถึงความคาดหวังของนักลงทุน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญของการระดมทุนนั่นเอง
“เราอยากให้ SMEs และ Startups เห็นว่า LiVE Platform จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณแข็งแรงและเติบโตต่อไปได้ และ LiVE Exchange เราอยากให้คุณมองเป็นทางเลือก เป็นสนามซ้อมในวันที่คุณยังไม่พร้อม ไม่แน่ว่าระหว่างที่คุณเข้ามาเรียนรู้ใน LiVE Platform และไปถึงขั้นตอนของ Business Matching คุณอาจจะก้าวกระโดดไปกระดานเทรดหุ้น SET เลยก็ได้ เพราะเราก็ไม่อยากให้ SMEs และ Startups ย่ำอยู่ในกระดาน LiVE Platform นาน และไม่จำเป็นว่าปลายทางคือการเข้ามาใน LiVE Exchange เราอยากให้คุณไปไกลกว่านั้น เพื่อจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทย”
ผู้ที่สนใจอยากศึกษาติดตามข่าวสารของ LiVE Exchange และ LiVE Platform สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ live-platforms.com และเฟซบุ๊ก facebook.com/LiVE.Platform.SET
