ลิซ่า ซู ซีอีโอหญิงแกร่งวัย 55 ปี ผู้ใช้เวลา 10 ปี กว่าจะพลิกฟื้น ‘AMD’ ที่เกือบล้มจนก้าวขึ้นมาสู่หนึ่งในผู้ออกแบบชิป CPU ชั้นนำระดับโลก และเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่สร้างมูลค่า 190,000 ล้านดอลลาร์ อันดับ 2 ของโลก ที่นิตยสาร Time ยกให้เธอเป็น CEO of the Year 2024
เธอให้คำแนะนำด้านอาชีพและชี้แนะใบเบิกทางสู่การเติบโต หลังพาบริษัทจากผู้ผลิตชิปกลายมาเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งปัจจุบันสามารถสร้างมูลค่ารายได้เพิ่มในทรัพย์สินสุทธิ 1,000 ล้านดอลลาร์ โดยเธอบอกว่า
“การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คุณควรใช้วิธีเผชิญหน้ารับความท้าทายอย่างตรงไปตรงมา”
เธอเกริ่นนำขณะกล่าวในสุนทรพจน์ที่งานรับปริญญา ที่สถาบัน Rensselaer Polytechnic Institute เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และคำแนะนำด้านอาชีพที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับคือ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘คอนเนกชัน ความสดใส และเวลา’ อ่าน 7 เรื่องราวผ่านตัวตนที่ซ่อนอยู่ใน Taylor Swift ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จระดับโลก
- โอกาสเปลี่ยนงาน! สิงคโปร์ขาดแคลนแรงงานหนักทั้งภาคบริการและอาชีพใช้ทักษะชั้นสูง พบ ‘คนไทย’ เป็นเป้าหมายที่สิงคโปร์ต้องการ
“คุณต้องเลือกเผชิญปัญหาและวิ่งเข้าหาความท้าทายที่ยากที่สุด คุณก็จะสามารถเลือกเส้นทางสู่การเติบโตได้เร็ว และนี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เรียนรู้ปัญหา และสร้างความแตกต่างในตัวคุณ”
คำแนะนำนี้เธอได้รับแรงบันดาลใจมาจาก จอห์น เคลลี ผู้บริหารของ IBM และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจทำงานที่ AMD
ซูกล่าวว่า “ตอนที่ฉันจะมาร่วมบริษัทนี้ ทราบดีว่าบริษัทแห่งนี้มีประวัติที่หลากหลาย แต่ฉันกลับเห็นศักยภาพ ผู้คน วิสัยทัศน์ และโอกาสที่จะช่วยบริหารบริษัทที่มีความสำคัญ และจริงๆ แล้วนี่คืออาชีพในฝันของฉัน”
สำหรับซู เธอและครอบครัวของเธออพยพมาจากไต้หวันไปยังสหรัฐอเมริกาเมื่อเธออายุได้ 3 ขวบ เธอเป็นลูกสาวของนักบัญชีและนักคณิตศาสตร์ และสำเร็จการศึกษาจาก Bronx High School of Science ในปี 1986 และเข้าเรียนที่ Massachusetts Institute of Technology กระทั่งได้รับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกด้านวิศวกรรมไฟฟ้า
หลังจากนั้น เธอทำงานที่ Texas Instruments, IBM และ Freescale ก่อนจะมารับตำแหน่งหัวหน้า AMD ในเดือนธันวาคม 2014
เธอกล่าวอีกว่า ความท้าทายที่ยากลำบากนั้นล้วน ‘คุ้มค่า’ เพราะสิ่งที่ได้คือการเรียนรู้ที่จะก้าวผ่านมันไป เธอกล่าวย้ำว่า
“แน่นอนว่าปัญหาที่ยากลำบากต่างๆ จะท้าทายตัวคุณ ซึ่งคุณต้องใช้สมาธิ ความคิดสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่น แต่หลังจากนั้นมันจะทำให้คุณมั่นใจ ทำให้คุณเติบโต และสร้างสิ่งอื่นๆ ตามมา สุดท้ายคุณก็จะสามารถเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุดเพื่อการเติบโตในงานนั้นๆ”
คำแนะนำของซูไม่ได้หมายความว่า “คุณควรแสวงหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงเพราะว่ามันยาก แต่ให้มองหาโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ท้าทายที่ด้านที่คุณสนใจ” เธอกล่าว
การทำงานในสิ่งที่คุณอยากรู้และตื่นเต้นอย่างแท้จริงสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คุณแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้ดีที่สุดและนำไปสู่ความสุขในระยะยาว แทนที่จะมุ่งมั่นกับงานที่หนักหรืองานที่มีชื่อเสียงเพียงเพราะต้องการบันทึกประวัติของคุณให้ดูดี
ตัวอย่างเช่น ความอยากรู้ที่เพิ่มมากขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถก้าวเป็นผู้นำทางธุรกิจที่ดีได้ อย่าง Bill Gates ไปจนถึง Dara Khosrowshahi ซีอีโอของ Uber ที่เสริมสร้างทักษะอาชีพจนโดดเด่นกว่าเพื่อนร่วมงาน
ซูยังแนะนำให้มองหาความท้าทายที่ต้องการโดยให้คุณร่วมมือกับบุคคลที่มีแนวคิดเหมือนกัน เพื่อให้ได้เรียนรู้จากมุมมองของผู้อื่นและสร้างคอนเน็กชัน
อีกหนึ่งคำแนะนำคือ “คุณไม่สามารถแก้ปัญหาใหญ่ๆ ได้เพียงลำพัง ไม่มีใครผิดพลาดหรือถูกเสมอไป เพราะความท้าทายที่เราเผชิญในปัจจุบันมีความซับซ้อนเกินกว่าที่คนคนเดียวจะแก้ไขได้”
“จริงๆ แล้วความท้าทายเหล่านี้ต้องการการทำงานเป็นทีมและความร่วมมืออย่างแท้จริง เพราะความก้าวหน้าที่มีความหมายเกิดขึ้นได้จากมุมมอง ทักษะ และประสบการณ์ที่แตกต่างในการทำงานร่วมกัน สิ่งเหล่านี้จะสามารถเป็นทางออกและแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง”
ภาพ: Noam Galai / Getty Images
อ้างอิง: