สมรภูมิฟู้ดเดลิเวอรียังคงห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเช่นเคยในทุกๆ มิติ เพราะแม้จะเป็นเซกเตอร์ที่ได้รับอานิสงส์บวกจากการระบาดของโควิด-19 แต่การแข่งขันด้านการทำราคาส่งและสั่งให้ถูก ตลอดจนการมีผู้เล่นรายใหม่ๆ ที่อาจจะไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมนี้มาก่อน ตัวอย่างเช่น True ที่ทำ TrueFood หรือ SCB ที่มี Robinhood ก็ทำให้ดีกรีการเชือดเฉือนของผู้เล่นในสังเวียนนี้ยกระดับความร้อนแรงเพิ่มขึ้นอีกเท่าทวี
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ‘LINE MAN Wongnai’ หนึ่งในแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยมภายใต้ความร่วมมือระหว่างสองหน่วยงานตามชื่อขององค์กร ได้ประกาศความสำเร็จในปีที่ผ่านมาภายหลังจากควบรวมกิจการอย่างเป็นทางการ 5 เดือนเต็ม โดยพบว่าปัจจุบันยอดการสั่งอาหารและมูลค่าต่อออร์เดอร์ (GMV) ได้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นสูงกว่า 5.3 เท่า และประกาศกลยุทธ์ในปีนี้ว่าเตรียมจะให้บริการในพื้นที่ 77 จังหวัด ครอบคลุมยันระดับ ‘อำเภอ’ ไม่ใช่แค่หัวเมือง
ซึ่ง ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านแพลตฟอร์ม Clubhouse เมื่อวานนี้ (15 มีนาคม) ว่าหลังจาก 5 เดือนที่ผ่านมาของการควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai (ควบรวมกิจการแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนกันยายน 2562) ภาพรวม ณ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าที่ตัวเขาคิดไว้เยอะ แม้จะยังอยู่ในช่วงกระบวนการของ PMI (Post-merger Integration) แต่ภาพรวมก็ค่อนข้างลื่นไหล ไม่ต้องแก้ปัญหาภายในมากนัก
สาเหตุสำคัญประการต้นๆ ที่ยอดเชื่อว่าเป็นเบื้องหลังซึ่งทำให้การควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai ราบรื่นเป็นผลมาจาก
1. ทั้งสองทีมเคยเป็นพาร์ตเนอร์ทำงานร่วมกันมาก่อน ไม่ใช่คนแปลกหน้า
2. ตนแสดงความชัดเจนด้วยการสร้าง Trust และ Authenthic ให้กับทีมงาน LINE MAN
3. มี Common Enemy หรือศัตรูทางธุรกิจคนเดียวกัน จึงทำให้ไม่เกิดปัญหาการเมืองในองค์กร
สำหรับภาพรวมในปี 2563 ที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดการควบรวมกิจการ ยอดระบุว่าจำนวนออร์เดอร์และ GMV ของ LINE MAN Wongnai ได้เติบโตสูงขึ้นกว่า 5 เท่า และหลังจากที่ควบรวมกิจการแล้วเสร็จ (ตอนนั้นมีพื้นที่ให้บริการ 7 เมือง) ปัจจุบันแพลตฟอร์มของพวกเขาได้ให้บริการครอบคลุมราว 36 เมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแผนของพวกเขาในปีนี้คือการบุกยึดหัวหาดให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ลงลึกไปถึงระดับอำเภอให้ได้ โดยไม่ได้มองเพียงแค่ระดับหัวเมืองอีกต่อไปแล้ว (ปัจจุบันมีฐานข้อมูลร้านอาหารบน Wongnai กว่า 6 แสนร้าน และมีร้านอาหารให้บริการบนแพลตฟอร์ม LINE MAN Wongnai ราว 3 แสนร้าน)
อย่างไรก็ดี แม้ธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีจะได้รับอานิสงส์บวกจากโควิด-19 แต่หากมองในเชิงภาพรวม มันยังเป็นแค่ก้อนเล็กๆ เท่านั้นเมื่อเทียบกับมูลค่ารวมของตลาด Food Dining ในประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ 9 แสนล้านบาทในปี 2563 โดยที่ฟู้ดเดลิเวอรีมีสัดส่วนอยู่ที่ 5% ซึ่งยอดเชื่อว่าในอนาคตตัวเลขนี้น่าจะขยับขึ้นไปที่ 20% ได้ไม่ยาก
ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ของ LINE MAN Wongnai แม้ว่า ‘กลุ่มธุรกิจสื่อ-มีเดีย’ จะมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่กลุ่มธุรกิจโซลูชันร้านอาหารอย่าง POS กลับเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3.5-4 เท่าในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในจุดเด่นที่ LINE MAN Wongnai มีให้กับบรรดาร้านอาหารที่เข้ามาอยู่บนแพลตฟอร์มของพวกเขาแบบครบวงจร
“ถามว่าคู่แข่งในสังเวียนมีเยอะ เรากังวลไหม ถ้าไม่กังวลก็คงโกหก เพราะธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูง แต่ในขณะเดียวกันเราก็มั่นใจ เพราะภาพรวมตลาดก็ยังขยายตัวอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกคนในประเทศใช้ฟู้ดเดลิเวอรีแล้ว ตอนนี้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ยังเป็นคนเมือง หรือกลุ่ม Early Adopter ยังเป็นตลาดที่ไม่ได้โตเต็มวัย ถ้าเปรียบเทียบเป็นมวย 12 ยก ตอนนี้ก็เหมือนสู้กันในยกที่ 4-5 ต่อจากนี้ยังต้องสู้กันอีกหลายปีข้างหน้า
“ซึ่งภาพรวมสุดท้าย ผมเชื่อว่าจุดตัดผู้ชนะและแพลตฟอร์มที่จะอยู่รอดในสังเวียนนี้ได้คือการที่แพลตฟอร์มนั้นๆ ตอบคำถามได้ว่าคุณสร้างมูลค่า ‘(Value)’ ให้กับผู้มีส่วนได้เสียในวงจร ทั้งคนขับ ผู้สั่ง ร้านอาหาร หรือพนักงานได้ต่อเนื่องและพร้อมเพรียงกันมากแค่ไหน” ยอดกล่าว
ถ้ายังจำกันได้ อีกประเด็นสำคัญก็คือในการแถลงข่าวเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ยอดเคยบอกไว้ว่าอยากทำให้ LINE MAN Wongnai กลายเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นรายแรกของประเทศได้สำเร็จ แต่มาวันนี้เขาบอกว่ายูนิคอร์นไม่ใช่เส้นชัยหรือมีความสำคัญใดๆ อีกแล้ว
สาเหตุก็เพราะมันเป็นเป้าหมายที่อยู่ใกล้เกินไป หรือถ้าให้กล่าวโดยย่อก็คือตอนนี้ยอดและ LINE MAN Wongnai มองยูนิคอร์นเป็นแค่ไมล์สโตนทั่วๆ ไปที่อย่างไรก็ต้องวิ่งผ่านอยู่ดี โดยเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ณ ตอนนี้คือการทำให้แพลตฟอร์มตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายให้ได้ โดยเฉพาะการช่วยให้พวกเขามีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ต่อคำถามที่ว่า LINE MAN Wongnai จะต่อยอดโมเดลธุรกิจของตัวเองไปสู่การทำสินเชื่อคนขับ สินเชื่อร้านอาหาร และประกัน เหมือนที่ Grab, Gojek หรือ Robinhood จะมุ่งไปหรือไม่นั้น ยอดตอบว่าเป็นเรื่องที่อยู่ในวิสัยทัศน์ที่มองไว้อยู่แล้ว และทำได้แน่นอน
เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีข้อผูกพันหรือกรอบเวลาที่ชัดเจน รวมถึงไม่ได้ปิดโอกาสในการทำงานร่วมกับใคร (แม้ว่า LINE จะมี LINE BK ก็ตาม) เนื่องจาก LINE ค่อนข้างเปิดกว้างและให้อิสระกับเขาในการกุมบังเหียน มองหาพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ ใหักับ LINE MAN Wongnai ได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัด
ส่วนความแข็งแกร่งของแพลตฟอร์ม LINE ที่มีผู้ใช้งานทั่วประเทศมากกว่า 47 ล้านคนนั้น ยอดมองว่าจุดแข็งในส่วนนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในความได้เปรียบที่จะช่วยให้ LINE MAN Wongnai เป็นต่อในแง่การแข่งขัน โดยนอกเหนือจากการทำมินิแอปฯ ให้ผู้ใช้ LINE สั่งอาหารและเครื่องดื่มได้ทันทีบนหน้า Wallet ของ LINE โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ LINE MAN Wongnai ในอนาคตอีก 2 เดือนข้างหน้าก็จะได้เห็นการร่วมมือและใช้ประโยชน์จากบริษัท LINE หลักแน่นอน
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์