หลังสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวงการสตาร์ทอัพไทยและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไปเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ก็ได้ฤกษ์ที่ ‘LINE MAN Wongnai’ บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้การควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai นำโดย ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท จะได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจตั้งแต่ที่มาที่ไปของดีลนี้ รายละเอียดต่างๆ ตลอดจนเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะมุ่งไปเสียที
LINE MAN Wongnai คือแพลตฟอร์มอาหารที่เกิดขึ้นภายใต้การควบรวมกิจการระหว่าง LINE MAN และ Wongnai โดยได้รับเงินลงทุนมูลค่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท จากบริษัท BRV Capital Management (BRV) โดยการควบรวมกิจการเพิ่งแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ไปเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา (ต่อไปนี้จะไม่มี LINE MAN หรือ Wongnai เพราะทั้งสองบริษัทได้รวมกันกลายเป็นบริษัทเดียว โดยพนักงานของ LINE MAN จะย้ายมานั่งในออฟฟิศ T1 ของ Wongnai ส่งผลให้พนักงานปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้นราว 600 คน)
สำหรับเป้าหมายของการรวมกิจการทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกันนั้น ยอดเล่าว่าเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่ตนอยากจะผลักดันให้ LINE MAN Wongnai กลายเป็นแพลตฟอร์มอาหารอันดับหนึ่งของประเทศไทยให้ได้ภายใน 3 ปี โดยเฉพาะการเป็นแพลตฟอร์มแบบ End-to-end ที่มีระบบนิเวศด้านอาหารครบวงจรและดีที่สุดที่จบทุกอย่างภายในที่เดียว โดยเน้นการทำตลาดในประเทศไทยเป็นหลัก
เหตุผลที่ยอดตั้งเป้าหมายไว้ ‘สูง’ เช่นนั้น เนื่องจากปัจจุบัน LINE ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมของผู้ใช้งานไทย โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 47 ล้านราย จากจำนวนประชากรทั้งหมดกว่า 69 ล้านคน ซึ่งตัว LINE MAN เองก็มียอดดาวน์โหลดสูงกว่า 9 ล้านครั้ง มียอดผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 3 ล้านราย และมีร้านอาหารให้บริการบนแพลตฟอร์มสูงกว่า 2 แสนร้าน
ด้าน Wongnai ที่เดิมทีให้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลร้านอาหาร และบริการไลฟ์สไตล์อื่นๆ ก็มี ‘จุดแข็ง’ อยู่ที่ความช่ำชองจากการอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มานานกว่า 10 ปี โดยมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านรายต่อเดือน มียอดเข้าชมแพลตฟอร์มสูงกว่า 21 ล้านครั้งต่อเดือน และจำนวนร้านอาหารอยู่บนฐานข้อมูลกว่า 4.3 แสนร้านแห่ง นอกจากนี้พวกเขายังมีโซลูชันอย่าง Merchant App และ POS ให้กับร้านอาหารที่อยู่บน LINE MAN อีกด้วย
เมื่อผนวกจุดแข็งแต่ละด้านรวมเข้าด้วยกันก็จะทำให้ LINE MAN Wongnai กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีศักยภาพในการดูแลทั้งร้านอาหาร Merchant ลูกค้าที่สั่งอาหาร และพาร์ตเนอร์ฟลีทคนขับได้อย่างครบวงจร
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ยังบอกอีกด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้ดีลควบรวมกิจการเกิดขึ้นนั้นมาจาก (1) ความต้องการที่ LINE MAN และ Wongnai ต่างก็อยากจะพัฒนาประสิทธิภาพ และเพิ่มสเกลในเชิงการให้บริการ เนื่องจากการแข่งขันในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี ณ ปัจจุบันมีการแข่งขันที่ดุเดือด ซึ่งการรวมกันของสองบริษัทก็จะทำให้สามารถนำเทคโนโลยีมาลดต้นทุนได้ดีขึ้น ผู้บริโภคก็จะได้รับบริการที่ดีกว่าเดิม เช่นเดียวกับคนขับและร้านอาหารที่จะมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ส่วนอีกสาเหตุ (2) มาจากความตั้งใจส่วนตัวของยอด ที่มองว่าธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี ณ วันนี้ เป็นปราการด่านสุดท้ายที่พอจะผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยยกระดับตัวเองกลายเป็น ‘สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น’ รายแรกของประเทศได้สำเร็จ เนื่องจากยูสเคสการใช้งานในด้านอื่นๆ ก็มีแพลตฟอร์มต่างประเทศยึดหัวหาดไว้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อตนมองเห็นช่องว่างในตลาด จึงไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้
จากการเปิดเผยของหัวเรือใหญ่ LINE MAN Wongnai พบว่า ขนาดของตลาดธุรกิจอาหารในไทย ณ วันนี้ มีมูลค่ามากถึง 7 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 2-4% ต่อปี เมื่อจำแนกย่อยมาดูเฉพาะตลาดฟู้ดเดลิเวอรีจะพบว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวมีมูลค่ามากถึง 35,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจในทุกๆ ปี ซึ่งปีนี้จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะโตจากปีที่แล้ว 84% แต่ผลกระทบจากโควิด-19 ก็น่าจะทำให้ตลาดฟู้ดเดลิเวอรีโตขึ้นถึง 100-200% ได้ไม่ยาก
“ผมมองว่าภาพรวมการแข่งขันในตลาดฟู้ดเดลิเวอรีในปัจจุบันค่อนข้างเข้มข้นพอสมควร และจะคงสภาพความเข้มข้นนี้ต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้าแน่นอน ซึ่งผู้ให้บริการแต่ละเจ้าก็มีจุดแข็งและการทำตลาดที่แตกต่างกัน ทั้งการทำโปรโมชัน ขยายพื้นที่ให้บริการในต่างจังหวัด หรือคนขับ ซึ่งสำหรับ LINE MAN Wongnai เราจะเน้นการเพิ่มจำนวนร้านอาหารและพัฒนาระบบนิเวศแพลตฟอร์มอาหารให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น” ยอดให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
ทั้งนี้ หลังควบรวมกิจการเรียบร้อย ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai ได้เริ่มให้บริการผ่านโปรส่งฟรีในระยะทาง 3 กิโลเมตรแล้ว โดยเตรียมจะขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุม 20 จังหวัดทั่วประเทศไทยภายในปีนี้ (ปัจจุบัน 13 จังหวัด) และเตรียมเปิดตัวบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องภายใต้การทำงานของวิศวกรบริษัท และข้อมูลอินไซต์จาก LINE ประเทศไทย นอกจากนี้ยังนับรวมโปรเจกต์คลาวด์คิทเชนที่เตรียมขยายเพิ่มไปเปิดที่ย่าน ‘ปทุมวัน’ เป็นแห่งที่สอง ต่อจากคลาวด์คิทเชนแห่งแรกที่ปุณณวิถี ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์