ธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด หรือ LINE BK เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าจะดันยอดสินเชื่อคงค้างขึ้นไปแตะที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาทเป็นอย่างน้อย จากที่ ณ สิ้นปีที่ผ่านมามียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าความต้องการสินเชื่อของภาคครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกประเภทตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่านับจากต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงควบคุมคุณภาพความเสี่ยงอย่างเข้มงวดและปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง ทำให้ยอดอนุมัติสินเชื่อยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 10% แต่เชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากโควิดและคนเริ่มกลับมามีรายได้ บริษัทจะสามารถเร่งปล่อยสินเชื่อได้ในครึ่งปีหลัง โดยยอดอนุมัติสินเชื่อที่อยากเห็นคือ 20%
“สินเชื่อในปีนี้เราจะโตตามสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่อย่างน้อยยอดคงค้างน่าจะขึ้นไปแตะ 2 หมื่นล้านบาทได้ และถ้าช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี เราก็มีโอกาสโตเพิ่มได้อีก” ธนากล่าว
สำหรับบริการสินเชื่อ LINE BK ขณะนี้มีอยู่ 2 ประเภท คือ วงเงินให้ยืม (Credit Line) สินเชื่อส่วนบุคคล และวงเงินให้ยืมนาโน (Nano Credit Line) สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยมีการปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 500,000 บัญชี ด้วยยอดรวมสินเชื่อกว่า 3 หมื่นล้านบาท ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของลูกค้า LINE BK เป็นผู้มีอาชีพอิสระ และอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดเกือบ 80%
ธนากล่าวว่า ปัจจุบันฐานลูกค้าประมาณ 40% ของ LINE BK เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำและคนทำงานอาชีพอิสระ ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น โดยในปีนี้ LINE BK ยังคงตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องการเข้าแหล่งเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยวางแผนขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นและครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
ธนากล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าจะรักษาสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้เอาไว้ที่ 4% ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ระดับดังกล่าวยังไม่สามารถสะท้อนและเทียบเคียงกับอุตสาหกรรมได้ เนื่องจาก LINE BK เพิ่งเริ่มทำธุรกิจมาได้เพียง 15 เดือนเท่านั้น
สำหรับแผนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดให้มีการขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ Virtual Bank นั้น บริษัทมองว่าเป็นการเปิดโอกาสให้มีผู้เล่นรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการแข่งขันที่สูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่ใจว่าการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจะเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคมากน้อยเพียงใด เนื่องจากปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ปกติก็สามารถให้บริการในช่องทางออนไลน์ได้ครอบคลุมและแข่งขันกันสูงอยู่แล้ว เช่น ยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินและจ่ายบิลต่างๆ
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
