วันนี้ (21 ส.ค. 2562) อนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวยืนยันการดำเนินโครงการประดับไฟโบราณสถานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท่องเที่ยวในค่ำคืน ณ โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม โดยมีเจ้าหน้าที่และนักโบราณคดี ทั้งฝ่ายผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้าง และผู้ควบคุมงาน คอยดูแลตลอดการดำเนินงาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความดั้งเดิมของโบราณสถาน โดยระบุว่า
ตามที่มีกระแสข่าวความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินโครงการประดับไฟโบราณสถานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท่องเที่ยวในค่ำคืน ณ โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม ที่มีการขุดตัดแนวกำแพงวัดด้านทิศเหนือเพื่อวางระบบสายไฟ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความแท้และดั้งเดิมของโบราณสถานนั้น จากการชี้แจงของสำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา ก่อนการดำเนินงานผู้รับจ้างได้เสนอแผนและแนวทางการทำงานต่อคณะกรรมการตรวจการจ้างแล้ว
อีกทั้ง ผู้ควบคุมงานได้ลงพื้นที่เพื่อวางแนวสายไฟและการวางตำแหน่งต่างๆ โดยอยู่บนพื้นฐานที่จะส่งผลกระทบต่อความแท้และดั้งเดิมของโบราณสถานให้น้อยที่สุด จากกรณีภาพที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์ เนื้องานวางสายไฟจำเป็นต้องวางแนวสายไฟเข้าพื้นที่โบราณสถานหลักด้านใน จึงจำเป็นต้องถอดแนวอิฐบริเวณกำแพงที่มีการบูรณะในช่วงปี พ.ศ. 2535
นอกจากนี้ ยังปรากฏร่องรอยขอบปูนซีเมนต์ เพื่อวางแนวสายไฟบนร่องรอยอิฐดังกล่าว และจะเร่งดำเนินการประกอบอิฐกลับโดยเร็วที่สุด โดยไม่กระทบหลักฐานเดิมโครงการประดับไฟโบราณสถานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการท่องเที่ยวในค่ำคืน ณ โบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดำเนินการโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ระยะเวลาการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ถึง 27 มิถุนายน 2562 ขยายสัญญาต่อถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 พื้นที่ดำเนินการจำนวน 9 แห่ง ได้แก่
- โบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม
- โบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์
- โบราณสถานวัดพระราม
- โบราณสถานวัดมหาธาตุ
- โบราณสถานวัดราชบูรณะ
- โบราณสถานวัดภูเขาทอง
- โบราณสถานวัดเกตุ
- คุ้มขุนแผน
- ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หลังเก่า)
อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า ได้กำชับให้สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยาติดตามดูแลการดำเนินงานโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดในทุกพื้นที่ เนื่องจากโบราณสถานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีความสำคัญ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์