นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องความสวยงามและความสะดวกสบายที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์สักหลัง ความปลอดภัยก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญที่ควรจะต้องคำนึงถึงไม่ยิ่งหย่อน
ไม่อย่างนั้นแทนที่จะเป็นบ้านแสนสุขอันปลอดภัย แต่เผลอๆ อาจพ่วงมาด้วยความเสี่ยงอันตรายจนถึงขั้นก่อความสูญเสียแก่ทรัพย์สินไปจนถึงขั้นเสียชีวิต ไม่ว่าภัยที่ว่าจะมาในรูปแบบของขโมยขโจร หรืออัคคีภัยที่พร้อมเผาผลาญทุกอย่างให้เป็นจุลเพียงไม่กี่นาที ฉะนั้น เมื่อคุณคิดจะแงะกระปุก เบิกเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตเพื่อลงทุนซื้อบ้านในฝันสักหลัง ก็สมควรฝากฝังไว้กับบ้านและโครงการที่อยู่อาศัยที่ไว้ใจได้ ชนิดดูแลคุณให้ปลอดภัย และอุ่นใจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โครงการที่เข้าข่ายที่ว่านั้นเป็นอย่างไร เราควรจะพิจารณาดูจากอะไรได้บ้าง THE STANDARD เตรียมคำตอบไว้ให้คุณแล้ว ไปดูกัน
1. ทำเลที่ตั้ง
เชื่อว่าทุกคนคงใส่ใจกันแล้วในระดับหนึ่ง แต่เราอยากให้คุณตรวจสอบให้แน่ใจอีกสักครั้ง อย่าลืมว่าคุณภาพชีวิตที่ดี ย่อมมาจากสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งแน่นอนว่าทำเลที่ตั้งมีส่วนมากถึงมากที่สุด
สำรวจรอบบ้านของคุณว่าโครงการที่เลือกซื้อต้องอยู่ในเขตที่การคมนาคมขนส่งสะดวก ไม่สมควรอยู่ใกล้แหล่งชุมชนแออัดหรือซอยเปลี่ยว ถ้าเป็นบ้านจัดสรรก็ไม่ควรห่างกันมากเกินไป ละแวกบ้านมีที่รกร้างหรือเปล่า โครงการที่ดีจะหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยในทรัพย์สินและชีวิต ตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจ
2. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เดี๋ยวนี้ ถ้าคุณคิดจะซื้อที่อยู่อาศัย หรือคอนโดมิเนียมที่ได้มาตรฐาน ส่วนใหญ่ร้อยทั้งร้อยต้องมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นหน้าด่าน ยกเว้นเสียแต่ว่าบ้านที่ว่าเป็นหลังเก่ารื้อทำใหม่ หรือบ้านที่ปลูกในที่ดินที่คุณจัดหาเอง (ซึ่งประเด็นหลังต้องอิงไปถึงทำเลที่ตั้ง)
แล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. สำคัญอย่างไรล่ะ? อ้าว! คิดดูซิ ถ้าเกิดคุณซื้อคอนโดหรือบ้านหนึ่งหลังแล้ว รปภ. ปล่อยให้ใครเข้าถึงก็ได้ ไม่มีการสอบถาม แลกบัตร หรือตรวจตราใดๆ แบบนี้ความปลอดภัยจะอยู่ตรงไหน จริงไหม?
ในกรณีที่เป็นการจอง มีแค่ห้องตัวอย่างให้ตัดสินใจ ก่อนวางมัดจำหรือทำสัญญา ควรถามก่อนเลยว่า ระบบการเข้าออกโครงการหรืออาคารเป็นอย่างไร รภป. อยู่ตรงไหน เข้า-ออกเวรอย่างไร ถามให้มั่นคั้นให้ละเอียด เอาให้แน่นอนว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบแลกบัตรจดบันทึกเลขทะเบียนรถเข้า-ออก หรือมีเวรตรวจหมู่บ้านทุกกี่ชั่วโมงก็ว่าไป
ส่วนในกรณีที่ซื้อหลังจากที่โครงการเปิดให้เข้าอยู่แล้ว แนะนำให้สอบถามข้อมูลให้แน่ชัดกับพนักงานขาย ควบคู่กับการสังเกตเบื้องต้นไปด้วยว่าปลอดภัยหรือปฏิบัติจริงตามคำโม้หรือเปล่า ถ้าใช่และมั่นใจ ค่อยหยิบปากกามาขีดว่าให้ผ่าน
3. บริการหลังการขาย
สิ่งที่เรามักลืมคำนึงถึงทุกครั้งเมื่อคิดจะซื้ออสังหาริมทรัพย์สักหลังคือ บริการหลังการขาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ลูกบ้านทุกคนต้องใช้บริการมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน่วยงานกลางที่เจ้าของโครงการจ้างมาเพื่อจัดสรรดูแลส่วนกลางอย่าง ‘นิติบุคคล’ หรือแม้กระทั่ง ‘งานซ่อมบำรุงต่างๆ’ ที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวใช่ว่าใครก็ทำได้
เดี๋ยวนี้บริษัทเจ้าของโครงการต่างๆ มีบริการหลังการขายเยอะมากจนคุณคิดไม่ถึงเชียวแหละ บางทีก็มีในรูปแบบของการซ่อมบำรุงฟรีตลอดระยะเวลาประกัน บางบริษัทพัฒนา ‘แอปพลิเคชัน’ ขึ้นมารองรับโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถหาช่างและผู้ให้บริการที่ดี มีคุณภาพมาตรฐานในราคาเหมาะสม
ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเซ็นอะไรก็ตาม อย่าลืมสอบถามให้ดีนะว่า มีบริการหลังการขายใดบ้าง เอาให้ละเอียดยิบ เพราะนี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้จากการเสียสตางค์
4. ระบบป้องกันอัคคีภัย
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง คือเครื่องตรวจจับควัน และถังดับเพลิงประจำบ้านชนิดพกพา ถ้าเป็นอาคารชุด ภายในห้องสมควรติดตั้งหัวสปริงเกอร์ฉีดน้ำไว้ด้วย เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าข้างห้องจะทำไฟไหม้เมื่อใด หรือไฟฟ้าจะลัดวงจรตอนไหน ถ้ามีหัวฉีดน้ำไว้บนเพดานก็จะช่วยยืดเวลาไว้ในระดับหนึ่ง
นอกเหนือระบบป้องกันขั้นพื้นฐานที่ทางนิติบุคคลจัดเตรียมไว้ให้ เราขอให้คุณคำนึงถึง ‘ความกว้างของถนน’ และ ‘ทำเลที่ตั้ง’ ร่วมด้วย ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดการลุกลาม ทิศทางลม และการเข้าออกของรถดับเพลิง หากคุณอยู่ซอยเล็ก แออัด ถนนคับแคบรถใหญ่เข้าไม่ไป ยามเกิดเพลิงไหม้จะเป็นอะไรที่ยุ่งยากสุดๆ
ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ อย่าเช็กแค่ว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าแค่ไหน หรือใกล้แหล่งชุมชนแห่งไหน แต่ควรเช็กให้รอบทิศว่า ความกว้างของถนนมีกี่เลน รถใหญ่เข้าได้หรือเปล่า รอบๆ โครงการ มีแหล่งชุมชนไหม ลักษณะชุมชนเป็นแบบไหน ภายในอาคารมีบันไดหนีไฟจุดไหนบ้าง ความกว้างเท่าไร มีจุดวางถังดับเพลิงตรงไหน ฯลฯ ซึ่งโครงการที่ดีส่วนใหญ่ ล้วนคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้กันทั้งนั้น ทั้งหมดก็เพื่อชีวิตและทรัพย์สินของคุณเอง
5. ประตู หน้าต่างแน่นหนา
จำไว้เลยว่า ‘หน้าต่าง คือ บานประตูอีกหนึ่งแห่ง’ ซึ่งเราควรให้ความสำคัญมากๆ พอกับประตู เวลาไปชมบ้านตัวอย่าง เราขอให้คุณเช็กตัวล็อกและความแน่นหนาของบานประตูหน้าต่างว่าแข็งแรงพอไหม กระแทก 3 ทีหลุดหรือเปล่า ในกรณีห้องในอาคารชุด ให้เช็กระบบการล็อกของประตูดีๆ โครงการที่ดีสมควรมีกลอนให้คุณอย่างน้อย 3 ชั้น ต้องมีทั้งระบบดิจิทัลล็อก (Digital door lock) กลอนธรรมดา และกลอนล็อกแบบโซ่ประตูหรือเทียบเท่า และแน่นอนว่าควรมีตาแมว หรือหน้าจอแสดงใบหน้าผู้มาเยี่ยมเยือนให้เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม คุณควรมั่นใจว่าระบบดิจิทัลล็อกจะต้องไม่ทิ้งรอยนิ้วมือไว้ เพราะอาจจะทำให้รหัสผ่านถูกเดาได้ง่าย ปุ่มที่ดีควรทำจากวัสดุกันรอย
6. กล้อง CCTV
ระบบกล้อง CCTV อาจช่วยคุณไม่ทัน แต่สามารถนำไปเป็นหลักฐานชั้นดีในการจับกุมคนร้ายได้ โครงการบ้านจัดสรรหรืออาคารชุดที่ดี สมควรมีกล้อง CCTV ติดตั้งตามจุดต่างๆ ตลอดขอบรั้ว โดยเฉพาะบริเวณที่บุคคลพลุกพล่านอย่างประตูทางเข้าออกโครงการ ล็อบบี้ ส่วนกลางต่างๆ รวมถึงตามชั้นต่างๆ ที่ส่องให้เห็นทั่วถึงหน้าประตูของลูกบ้าน ต้องเป็นการแสดงรายละเอียดที่คมชัด และสมควรมีมาตรการเช็ก ซ่อมแซมและบำรุงอยู่เสมอ เพราะไม่ใช่เดี๋ยวเกิดเหตุร้ายขึ้นมาแล้วก็บอกว่า “กล้องเสีย” แบบนี้ไม่ดีแน่
อย่างไรก็ตาม ต่อให้คุณเช็กลิสต์ตามที่เราว่า ทาง THE STANDARD ก็อยากให้คุณอยู่อาศัยโดยไม่ประมาท เพราะไม่ว่าโครงการที่คุณอยู่อาศัยจะมีมาตรฐานความปลอดภัยดีเพียงใด แต่เหตุร้ายย่อมเกิดขึ้นได้เสมอหากเราเพิกเฉยหรือปล่อยปละละเลย ฉะนั้น ธำรงไว้ซึ่งสติ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินทั้งของคุณและคนในครอบครัวเอง
- เพราะใส่ใจทุกรายละเอียดของทุกชีวิตในบ้าน ระบบรักษาความปลอดภัย (Security Care) จึงเป็นหนึ่งในหลักมาตรฐาน 5 ความสมบูรณ์แบบของ SC Asset ซึ่งคุณสามารถวางใจได้ทั้งชีวิตและทรัพย์สินให้กับสมาชิกทุกวัยของบ้านที่คุณรัก