×

จำกันได้ไหม? ‘Red Earth’ แบรนด์ฮอตแห่งยุค 90s กลับมาแล้ว!

17.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • การกลับมาอีกครั้งของ Red Earth แบรนด์จากยุค 90s ที่เคยหายไป คราวนี้กลับมาพร้อมกับโฉมใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียบ ตั้งแต่ผู้บริหาร คอนเซปต์ ส่วนผสม แพ็กเกจจิ้ง และโลโก้
  • พาไปรู้จักกับสกินแคร์กลุ่มเพื่อผิวกระจ่างใสสุดเริ่ด มาพร้อมส่วนผสมจากคาคาดู พลัม ผลไม้ท้องถิ่นของออสเตรเลียที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในโลก และกลุ่มสกินแคร์เพื่อผิวชุ่มชื่น ตัวดังอย่าง โลชันและอายครีม ที่มีสารสกัดจากสาหร่ายจากน่านน้ำบาสส์ สเตรต (Bass Strait) ของแดนจิงโจ้

     ถ้าเอ่ยชื่อแบรนด์ Red Earth สาวน้อยรุ่นใหม่อาจขมวดคิ้วงงๆ สงสัยว่าดาวโลกสีแดงนี้คือแบรนด์อะไร แต่ถ้าใครที่เป็นวัยรุ่นที่โตมากับยุค 90s จะต้องร้องอ๋อ…และจำแบรนด์ Red Earth ได้แน่นอนว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่วัยรุ่นยุคนั้นร่ำร้องต้องมีจากประเทศออสเตรเลียเชียวนะ! ย้อนไปราว 10 ปีที่แล้ว Red Earth เคยมีเคาน์เตอร์ในเมืองไทยอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็ปิดตัวทิ้งไว้เพียงความเงียบอยู่หลายปี จนกระทั่งปีนี้ Red Earth กลับมาแลนดิ้งบนรันเวย์ของตลาดความงามเมืองไทยอีกครั้ง และการกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย

     และนี่คือเหตุผลชวนตื่นเต้นกับการกลับมาของเครื่องสำอางแบรนด์นี้

 

ปรับโฉมใหม่

     ปีที่แล้วมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับการทำแบรนดิ้ง นั่นคือเปลี่ยนโฉมหน้าผู้บริหาร นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างใหม่หมด ตั้งแต่วิธีการเขียนโลโก้แบบใหม่ใช้ตัว A กลับหัว เปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง, ดีไซน์, คอนเซปต์ รวมถึงตัวผลิตภัณฑ์ก็มีการเปลี่ยนส่วนผสมใหม่เพื่อสะท้อนความเป็น Real Australian Beauty ฉบับตีความใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อผู้หญิงที่มีคาแรกเตอร์เดียวกันกับแบรนด์ นั่นคือจิตวิญญาณความเป็นสาวออสเตรเลีย สนุกสนาน รักการผจญภัย และรื่นรมย์ไปกับชีวิตที่ไม่ต้องเพอร์เฟกต์รอบด้าน แต่สามารถใช้ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างมั่นใจในทุกวัน และทุกกิจกรรม

 

 

งานสกินแคร์ต้องมา

     สิ่งที่ทำให้กลุ่มสกินแคร์ของ Red Earth โดดเด่นจนต้องแนะนำให้รู้จักก็เพราะส่วนผสมสำคัญที่ได้จากแหล่งธรรมชาติจากประเทศออสเตรเลีย (แหล่งอุดมธรรมชาตินานาชนิดทั้งนั้น) โดยเฉพาะในกลุ่มไบรเทน 8 Brighten Complex มีส่วนผสมหนึ่งที่ทำให้ร้องว้าว! มันคือ คาคาดู พลัม (Kakadu Plum) เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุดในโลก ถามว่ามากแค่ไหน ก็ประมาณว่า 1 ผลของ คาคาดู พลัม มีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับส้ม 100 ผล ซึ่งเจ้าคาคาดู พลัม นี่เป็นผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ กว่าจะได้มาต้องเข้าไปในป่าลึก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้สกินแคร์ของ Red Earth ที่มีส่วนผสมของ คาคาดู พลัม เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะหาไม่ได้จากแบรนด์สกินแคร์ในประเทศอื่นๆ

 

 

เหนือกว่าความเป็น ‘น้ำมัน’

     เจ้าขวดใสๆ ที่ภายในบรรจุน้ำมันเอลิซีร์ (Elixir)* ขวดนี้ แบรนด์เคลมว่ามันคือออยล์ที่ไม่ใช่ออยล์ แม้จะงงกับชื่อเรียกที่ดูย้อนแย้ง แต่ชื่อเต็มๆ คือ Brighten Concentrate Oil With Kakadu Plum (1,250 บาท) ฮิตจากเสียงรีวิวของบล็อกเกอร์ว่าช่วยกู้ผิวหมองคล้ำ ให้กลับมาเป็นผิวที่ดูกระจ่างใส เปล่งประกายแบบผิวฉ่ำๆ คนที่ผิวแห้งมากนี่เลิฟเลย เพราะเพียง 2-3 หยด นวดบนฝ่ามือแล้วทาลงบนผิว ผิวที่แห้ง หมอง จะแลดูปิ๊งขึ้นมา ดูใกล้ๆ ผิวจะเหมือนมีออยล์เคลือบใสๆ เมื่อใช้ต่อเนื่องผิวจะดูสดชื่นสุขภาพดี และมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอยจุดด่างดำด้วย

 

 

กลุ่มสกินแคร์เพื่อผิวกระจ่างใสชิ้นเด็ดที่ควรลอง
     ขอเรียกรวมๆ ว่า Brighten Collection นอกจากจะมีออยล์ตัวดัง แล้ว สครับก็น่าสนใจ เป็นสครับสำหรับใช้ขัดผิวชื่อ Brighten Refining Scrub With Kakadu Plum (850 บาท) ใครผิวแห้งแนะนำตัวนี้ ไม่มีสารเคมีใดๆ ใช้แล้วผิวเนียนนุ่ม ช่วยขับไล่ความแห้งกร้านให้ออกไปจากผิว และมีตัว Brighten Rejuvenating Serum With Kakadu Plum (1,250 บาท) ใครมีปัญหาผิวไม่นุ่ม ผิวไม่ใส ใช้เซรั่มตัวนี้เข้าไปช่วยซ่อมแซมผิวจากการถูกทำร้ายด้วยมลภาวะ มีวิตามินจากคาคาดู พลัม แท็กทีมเข้ากู้ผิวร่วงโรยให้แลดูชุ่มชื้นขึ้น

 

 

กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวชุ่มชื้นก็มาเต็ม ไปดูตัวฮิตกัน!
     คลีนเซอร์มาในแพ็กเกจจิ้งมินิมัลเก๋ๆ ตัวนี้คือ Hydrate Refreshing Cleanser With Tasmanian Sea Kelp (850 บาท) ใช้ทำความสะอาดผิวหน้า และมอบความชุ่มชื้นไปในเวลาเดียวกัน จุดเด่น เหมาะกับผิวทุกประเภท รวมถึงผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้คลีนเซอร์นี้ได้เลย เพราะปราศจากสารซัลเฟต (Sulphate) และพาราเบน (Paraben)

     Hydrate Nourishing Lotion With Tasmanian Sea Kelp (850 บาท) ว่ากันว่านี่คือสุดยอดมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่บางเบา จุดเด่น ช่วยเรื่องผิวสดชื่น เพิ่มความยืดหยุ่นในชั้นผิว ผิวจะดูอิ่มเอิบสดชื่นตลอดวัน และ Hydrate Firming Eye Treatment With Tasmanian Sea Kelp (850 บาท) อายครีมตัวนี้ได้รับการออกแบบให้รับมือกับความสูญเสียความกระชับในชั้นผิว เมื่อทารอบดวงตาอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเห็นผลได้ว่าดวงตาดูสดชื่นขึ้น ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

     ส่วนใครที่เป็นสายสะบัดแปรงแต่งหน้า อดใจรออีกนิด เพราะขบวนเมกอัพอยู่ในระหว่างตั้งขบวนขึ้นเครื่อง อีกไม่นานคงแลนดิ้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เมกอัพตามมาในไม่ช้า หวังว่าข่าวการกลับมาครั้งนี้ของ Red Earth น่าจะทำให้ได้มีอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ๆ ในการตามหาสกินแคร์ที่ตอบโจทย์ผิวของตัวเองได้อีกทางหนึ่ง แต่จะกลับมาเป็นไอเท็มสุดฮอตต้องมีเหมือนยุค 90s หรือเปล่านั้น ต้องติดตาม!

 

 

ปรนนิบัติผิวหน้าที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งสัปดาห์ ด้วยผลิตภัณฑ์Red earth กลุ่ม Brightening line ที่อุดมไปด้วยคุณประโยน์มากมายสำหรับผิวหน้า เปรียบประดุจทองคำสำหรับผิว เรียนเชิญทดลองสิค้าได้ที่ เคาน์เตอร์ Red Earth สยามพารากอน เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเดอะมอลล์งามวงศ์วานนะคะ Make Up Professional ของเรายินดีบริการค่ะ

A post shared by Red Earth Thailand (@redearth_thailand) on

FYI
  • Red Earth แบรนด์เครื่องสำอางจากประเทศออสเตรเลีย ถือกำเนิดครั้งแรกที่มหานครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี ค.ศ. 1991 เป็นเวลากว่า 25 ปี ที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ความงามให้กับสาวๆ ทั้งสกินแคร์และเมกอัพ ล่าสุด Red Earth ได้กลับมาเปิดเคาน์เตอร์ที่เมืองไทยอีกครั้ง (หลังจากปิดไปหลายปี) โดยมีสาขาที่ชั้น M พารากอน, ชั้น 1 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว, ชั้น 1 เดอะมอลล์งามวงศ์วาน, ชั้น G เซ็นทรัลชิดลม, ชั้น G เซ็นทรัลบางนา และท่าอากาศยานดอนเมือง ขาออกภายในประเทศ
  • น้ำมันเอลิซีร์ (Elixir) ประกอบด้วย น้ำมันแมคาเดเมีย (Macadamia Oil) น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) น้ำมันเอซีอี (ACE Oil) สามน้ำมันนี้รวมพลังกันช่วยทำให้ผิวสดชื่น เมื่อทาลงบนผิว สามารถบำรุงและสร้างความเปล่งประกายให้ผิวได้ดี
  • แทสเมเนียน ซี เคลป์ (Tasmanian Sea Kelp) เป็นทรัพยากรอีกหนึ่งตัวเด็ดของแบรนด์ Red Earth มีอยู่ในน่านน้ำบาสส์ สเตรต ที่กั้นระหว่างเมืองวิกตอเรีย และเกาะแทสเมเนีย มันคือสาหร่ายที่เต็มไปด้วยสารที่มอบความชุ่มชื้นของผิวได้ดี
  • เว็บไซต์ www.redearth.com
  • เฟซบุ๊ก www.facebook.com/red_earth_thailand
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X