“เครียด นอนน้อย เจอ PM2.5 ผิวพังอีกแล้ว!” นี่ไม่ใช่แค่การบ่น แต่คือความจริงที่ ศัตรูตัวฉกาจเหล่านี้คอยทำร้ายผิวคนเมืองอยู่ทุกวัน ความท้าทายเหล่านี้เองที่เปลี่ยนโจทย์การดูแลผิวของคนยุคใหม่ไปโดยสิ้นเชิง
เราไม่ได้มองหาแค่สกินแคร์ที่ให้ความสวยงามชั่วข้ามคืนหรือแค่ฉาบผิวให้ดูสวยหลอกตา แต่กำลังตามหา ‘โซลูชันที่น่าเชื่อถือ’ และตอบโจทย์สภาพผิวของเรามากที่สุด
เมื่อสำรวจแบรนด์สกินแคร์ที่มีในท้องตลาดอันดุเดือดในประเทศไทยแล้ว นาทีนี้เราคงต้องยกให้ ZELENS แบรนด์สัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งโดยศัลยแพทย์ตกแต่งผู้คร่ำหวอดในวงการอย่าง Dr. Marko Lens ติดท็อปลิสต์สกินแคร์ที่น่าลงทุน
ล่าสุด Dr. Lens ได้บินกลับมาเยือนไทยในรอบ 3 ปี เพื่อร่วมงานเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง ZELENS Youth Glo Foundation และ ZELENS PHA+ Resurfacing Facial Pads เราจึงไม่พลาดโอกาสสำคัญที่จะนั่งคุยกับเขาแบบเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมล้วงลึกทุกอินไซต์การดูแลผิวฉบับคนเมืองยุคใหม่มาให้ผู้อ่านชาว LIFE โดยเฉพาะ
ไลฟ์สไตล์คนเมืองอาจเปลี่ยนแปลงไม่ได้…แต่แนวคิดการดูแลผิวของเราเปลี่ยนได้ และนี่คือทุกคำตอบจาก Dr. Lens
การเป็นศัลยแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างผิวและใบหน้าอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้วิธีคิดพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ของคุณหมอแตกต่างจากแบรนด์อื่นในตลาดอย่างไร
Dr.Lens: ผมว่าเรื่องราวทั้งหมดมันซับซ้อนกว่านั้นนิดหน่อยครับ ผมเริ่มต้นจากการเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง แต่ความสนใจหลักของผมมุ่งไปที่เรื่องมะเร็งผิวหนัง ซึ่งเรื่องนี้เองที่ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับการแก่ของผิว เพราะทั้งสองเรื่องมีจุดที่เกี่ยวโยงกันอย่างลึกซึ้ง เป้าหมายหลักของผมคือการทำความเข้าใจเพื่อที่จะชะลอการแก่ก่อนวัยให้ช้าลง
ปกติแล้วเด็กๆ แทบจะไม่เป็นมะเร็งผิวหนังเลย แต่เมื่อเราโตขึ้น การสะสมความเสียหายจากรังสียูวีซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญจะเริ่มชัดเจนขึ้น ซึ่งนำไปสู่การแก่ของผิวก่อนวัยเป็นอันดับแรก และตามมาด้วยความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนนำพาให้ผมต้องศึกษาลงลึกไปถึงศาสตร์ด้านผิวหนังวิทยา (Dermatology) ชีววิทยาของผิว (Skin Biology) และอีกแง่มุมที่สำคัญคือ ที่คลินิกของผมในลอนดอนจะมีคนไข้แวะเวียนเข้ามาถามเสมอว่า “ควรจะใช้สกินแคร์ตัวไหนดีเพื่อลดริ้วรอย และให้ผิวอ่อนเยาว์” เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันนี้ ประกอบกับงานวิจัยที่ผมทำอยู่ จึงนำทางให้ผมมาสู่การสร้างสรรค์สูตรสกินแคร์ที่ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและแก่ช้าลงครับ
เหมือนทุกอย่างนำพาให้คุณหมอทำ ZELENS จริงๆ พูดถึงมะเร็งผิวหนังแล้ว อยากรู้เลยว่าสกินแคร์สามารถช่วยรักษามะเร็งผิวหนังได้ไหม
Dr.Lens: ไม่ครับ ในอดีต ถ้าคุณเป็นมะเร็งผิวหนัง คุณจะรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้นใช่ไหม ทุกวันนี้ถ้าเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) คุณยังคงต้องใช้วิธีผ่าตัดเป็นหลัก
แต่เมื่อเราพูดถึงมะเร็งผิวหนังชนิดที่ไม่ใช่เมลาโนมา โดยเฉพาะ Basal-cell Carcinoma ซึ่งพบได้บ่อยมาก ก็มีการรักษาแบบทาแล้วครับ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับผิวมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวมากแค่ไหน
ดังนั้น แม้ผมจะไม่คิดว่าสกินแคร์จะรักษามะเร็งผิวหนังได้ แต่มันสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งจากปัจจัยภายนอกได้ และเมื่อผิวแข็งแรงขึ้น ก็จะสามารถทนทานต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้มากขึ้น มันเป็นเรื่องของหลายๆ ปัจจัยครับ เช่น ความชุ่มชื้นที่เหมาะสมของผิว การซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว
ซึ่งเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานปกติของผิว และมันก็เสียหายได้ง่าย ดังนั้น การเสริมเกราะป้องกันผิวจึงเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญมาก ถ้าคุณอยากจะรักษาผิวให้มีสุขภาพดีและป้องกันการแก่ของผิวก่อนวัย รวมถึงมะเร็งผิวหนัง
ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในที่ที่คุณเลือกเปิดตัวแบรนด์ ZELENS ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก คุณคิดว่าอะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนไทยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของคุณมากกว่าแบรนด์อื่น
Dr. Lens: มันเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะการซื้อสกินแคร์เป็นช่วงเวลาที่ใช้อารมณ์ตัดสินใจ คนซื้อเพราะพวกเขาอ่านอะไรบางอย่างมา ได้ยินมา หรือมีคนแนะนำ มีหลายปัจจัยที่ส่งผล ผมไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับแบรนด์อื่น เพราะผมไม่รู้จักพวกเขา
สิ่งหนึ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างผมกับแบรนด์อื่นก็คือความจริงที่ว่า ผมเป็นคนคิดค้นสูตรเอง ผมเป็นคนทำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ขึ้นมาเอง ไม่ได้แค่เซ็นชื่อรับรอง ผมเป็นคนอยู่ในห้องแล็บเอง ในตลาดที่อิ่มตัว คุณมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คุณรู้สึกดี
ถ้าคุณได้ยินเรื่องราวของผม คุณจะเห็นคุณสมบัติของผม มันขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเชื่อหมอที่ทำผลิตภัณฑ์นี้มากกว่า หรือจะเชื่อคนอื่นที่ไม่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากการทำงานทางคลินิกและในห้องแล็บมาหลายปี
เรียกว่าขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้บริโภคด้วย ด้วยความที่คุณหมอเป็นศัลยแพทย์ที่ยึดมั่นในวิทยาศาสตร์อย่างหนักแน่น คุณหมอคิดเห็นอย่างไรกับเทรนด์ความงามในปัจจุบันอย่าง Natural Beauty หรือ Clean Beauty
Dr.Lens: การตอบคำถามเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ (หัวเราะ) ด้วยเหตุผลง่ายๆ อย่างแรกเลย เมื่อเราพูดถึงแบรนด์ที่อิงวิทยาศาสตร์ ทุกคนก็อ้างว่าตัวเองเป็นวิทยาศาสตร์ แต่จะมีวิทยาศาสตร์จริงๆ อยู่ข้างในแค่ไหน นั่นเป็นคำถามครับ
อย่างที่สอง คุณรู้ไหมว่า ‘คลีน’ หมายถึงอะไร คำจำกัดความมันแตกต่างกันไป ถ้าคุณไปที่ร้านค้าหรือแบรนด์หนึ่ง พวกเขาอาจพิจารณาส่วนผสมบางอย่างว่า ‘คลีน’ แต่ในขณะที่อีกแบรนด์หนึ่งมีมุมมองที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้น แนวทางของผมคือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานทั้งส่วนผสมเทคโนโลยีขั้นสูงและสารสกัดจากพืชให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะผมไม่คิดว่าส่วนผสมเดี่ยวๆ จะสามารถต่อสู้กับการแก่ของผิวก่อนวัยได้อย่างมีประสิทธิผล และผมคิดว่าคุณต้องรวมส่วนผสมหลายอย่างเข้าไว้ในสูตรเดียว
ในแง่ของการเลือก ส่วนผสมที่ผมเลือกจะต้องไม่มาจากสัตว์ และไม่ใช้ส่วนผสมที่ผลิตผ่านกระบวนการที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและที่สำคัญต้องไม่มีสารพิษที่อาจเป็นอันตรายกับผิวได้
ดังนั้น ใช่ครับ ถ้าคุณดูผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเราตอนนี้ มันเข้าข่ายเลยล่ะว่า ZELENS เป็นคลีนสกินแคร์ และผมก็มั่นใจว่าทุกส่วนผสมที่เราใช้ ไม่มีส่วนผสมใดๆ ที่เป็นอันตราย หรือไม่ปลอดภัยต่อผิว และแง่มุมที่สำคัญคือ การไม่ใส่สารกันเสีย เพราะเมื่อก่อนทุกคนจะใช้พาราเบน (Paraben) แล้วพาราเบนก็มีชื่อเสียงไม่ดี จากนั้นก็เปลี่ยนมาใช้ฟีโนซีเอทานอล (Phenoxyethanol) แล้วฟีโนซีเอทานอลก็มีชื่อเสียงไม่ดีอีก ซึ่ง ZELENS เป็นแบรนด์ปลอดสารกันเสียทุกชนิด เราใส่ใจในเรื่องนี้มากๆ นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์เลยครับ
เสริมจากเรื่องเทรนด์ความงาม คุณหมอเคยเห็นเทรนด์ความงามในกระแสที่คิดว่ามีประโยชน์จริงๆ บ้างไหม
Dr.Lens: ผมว่า…ผมไม่เชื่อจริงๆ ครับว่าเราจำเป็นต้องทำตามเทรนด์ คุณรู้ไหมว่าเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะในเอเชีย มีเทรนด์การทาสกินแคร์หลายชั้น (Multi-layering) ผมไม่ใช่แฟนตัวยงเลยครับ เพราะเมื่อคุณเริ่มทาผลิตภัณฑ์หลายๆ ชั้น ส่วนใหญ่ก็จะอยู่แค่บนผิวของคุณ ไม่ได้ซึมลงไปในผิว ผมจึงไม่เห็นประโยชน์ของการใช้มัน
การทาสกินแคร์เพื่อหวังผล ควรเลือกเซรั่มที่คิดสูตรตรงตามปัญหา และสามารถจัดการปัญหาของผิวคุณได้ ซึ่งผมเองเชื่อว่า เซรั่มที่คิดสูตรมาดีแล้ว หนึ่งตัวสามารถทำงานกับผิวได้เพียงพอครับ อย่างเช่น ZELENS Melatonin B12 Advance Repair Serum เป็นเซรั่มในขั้นตอนเดียวตอนกลางคืน ที่พร้อมจะจัดการซ่อมแซมปัญหาผิว ลดริ้วรอย ทำงานกับนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ในเซลล์ผิวได้
จากที่คุณหมอพูดถึงการใช้เซรั่มที่ดี ส่วนผสมครบแบบทำถึงในตัวเดียวนั้นเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ อยากรู้เลยว่าขั้นตอนการดูแลผิวที่จำเป็นและเห็นผลจริง ในแบบฉบับของคุณหมอประกอบด้วยอะไรบ้าง
Dr.Lens: การดูแลผิวสำหรับผมเอง ล้างหน้าให้สะอาด มีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างสม่ำเสมอ ลงเซรั่มที่แก้ไขปัญหาผิวคุณได้ และปิดท้ายครีมบำรุงดีๆ สักตัว และเมื่อใดก็ได้ตามที่รู้สึกว่าผิวต้องการตัวช่วย ก็เลือกทรีตเมนต์มาสก์มาเสริมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง การบำรุงอย่างสม่ำเสมอแบบนี้ก็เห็นผลแล้วครับ
ฟังดูเป็นวิธีที่ทำตามได้ไม่ยากเลย นอกจากนี้มีเทรนด์ไหนอีกไหมที่คนยังเข้าใจผิดกันเยอะ
Dr.Lens: เคยมีเทรนด์การล้างหน้าสองขั้นตอน (Double Cleansing) ผมระวังเรื่องนี้มากครับ บางครั้งการล้างหน้ามากเกินไป แทนที่จะดีต่อผิวกลับแย่ เพราะมันไปทำลายเกราะป้องกันผิว เว้นแต่คุณจะแต่งหน้าสำหรับออกงานใหญ่ๆ ที่ลงรองพื้นอัดแน่นด้วยสีสันจริงๆ แต่สำหรับการล้างครีมกันแดดหรือการแต่งหน้าบางๆ ประจำวัน การล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งดีๆ หรืออย่างของเรา ZELENS Glacier Foam Renewing Cleanser ก็สามารถล้างจบสะอาดได้ในขั้นตอนเดียว
ดังนั้น ผมจึงมีแนวคิดว่า คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ไม่กี่ชนิดที่คุณต้องการจะใช้และใช้มันอย่างเหมาะสมและถูกต้อง
แต่มีผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสามารถป้องกันมะเร็งผิวหนังและป้องกันการแก่ของผิวได้ ซึ่งนั่นก็คือ ครีมกันแดด ไม่มีผลิตภัณฑ์อื่นใดที่มีความสามารถนั้น
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ล้วนมีส่วนช่วยอย่างมากในการทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และช่วยให้คุณดูแลผิวของคุณได้ แต่ครีมกันแดดยังคงเป็นมาตรฐานที่ดีที่สุด หากคุณต้องการปกป้องผิวและป้องกันการแก่ของผิวก่อนวัยอย่างแท้จริง
แม้อยู่แต่ในบ้านเราก็ควรทากันแดดใช่ไหม
Dr. Lens: ใช่ครับ ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่ทาไม่ถูกต้อง สำหรับใบหน้าและลำคอ คุณต้องใช้หนึ่งช้อนชา แต่ไม่มีใครใช้หนึ่งช้อนชาเลย
จากที่คุณหมอพูดถึงความสำคัญของการป้องกันผิวก็ชวนให้คิดถึงปัญหาของคนเมืองยุคนี้ ทั้งความเครียด มลภาวะ และแสงแดด คุณหมอมีแนวทางในการออกแบบสูตรผลิตภัณฑ์ของ ZELENS อย่างไรเพื่อรับมือกับปัจจัยเหล่านี้
Dr. Lens: ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการกับอนุมูลอิสระ เพราะผิวเราต้องเผชิญกับมลภาวะ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ดังนั้นการป้องกันด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ผมจึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ของเราชื่อ Tea Shot ซึ่งประกอบด้วยชา 5 ชนิดที่อุดมไปด้วยโพลีฟีนอล (Polyphenols) เพื่อช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระและมอบการปกป้องจากสารต้านอนุมูลอิสระที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ในทุกผลิตภัณฑ์ของ ZELENS จะมีส่วนผสมที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอยู่เสมอ เพราะแนวคิดของผมคือการผสมผสานส่วนผสมหลากหลายชนิดเข้าด้วยกัน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกผลิตภัณฑ์ของเราจะสามารถรับมือกับมลภาวะในเมืองได้
อะไรคือเกณฑ์ที่คุณหมอใช้ตัดสินใจว่าผลิตภัณฑ์นี้พร้อมที่จะเปิดตัวแล้ว
Dr. Lens: อย่างแรกเลยนะครับ ตอนที่ผมคิดค้นผลิตภัณฑ์ ผมจะเริ่มจากข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เสมอ แล้วผมก็เริ่มลงมือทำ แต่เอาจริงๆ ผลิตภัณฑ์หลายตัวของผมไม่มีวันได้เปิดตัว (หัวเราะ) เพราะมันเหมือนเป็นการฝึกฝน มันเป็นแพสชัน แล้วถ้าผมพอใจกับสูตร ผมก็จะเริ่มทำการทดสอบความปลอดภัยทั้งหมดก่อน แล้วจึงตามด้วยการทดสอบประสิทธิภาพ
หลังจากที่ได้ศึกษาสูตรอย่างเหมาะสมและครอบคลุมแล้วเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ถึงจะถูกปล่อยออกมาได้ ดังนั้นมันเป็นกระบวนการที่ยาวนานครับ แน่นอนว่าสูตรจะต้องปลอดภัยและคงตัว แต่สำหรับผมแล้วสูตรนั้นต้องมีประสิทธิภาพสูงสุดด้วย
อีกอย่างที่สำคัญมากคือ ผมเป็นคนเตรียมสูตรเอง และผมไม่เคยรู้ต้นทุนของสูตรเลยจนกว่าผมจะทำสูตรเสร็จสมบูรณ์ คนจำนวนมากจะพูดว่า “โอเค ฉันจะพัฒนาสูตรนี้ แต่มันต้องมีต้นทุนเท่านี้เท่านั้น” เหมือนกับคุณกำลังทำซุป แล้วมีคนให้เงินคุณ 10 ยูโรแล้วบอกว่า “เอาไปซื้ออะไรก็ได้ 10 ยูโร แล้วมาทำซุปให้ฉัน” ไม่ครับ ผมไม่ทำงานแบบนั้น
ผมแค่สร้างและใส่ทุกอย่างที่ผมสามารถใส่เข้าไปได้ คือผมไม่อยากมีข้อจำกัดในการทำสูตรและไม่อยากให้ความคิดสร้างสรรค์ถูกจำกัด
ผมจะใส่ส่วนผสมด้วยสองเหตุผลครับ หนึ่ง ผมคิดว่ามันมีประโยชน์ต่อผิวของเรา และ สอง ผมคิดว่ามันทำงานร่วมกันกับส่วนผสมอื่นที่ผมใส่เข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมไม่ใส่ส่วนผสมเพราะกระแสการตลาด และผมก็ไม่สนว่าอะไรกำลังเป็นที่นิยมครับ
พูดถึงการคิดค้นสูตรแล้วแน่นอนว่าต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง ZELENS Youth Glo Foundation เห็นว่ารองพื้นขวดนี้มี 2 คุณสมบัติเลยใช่ไหม คือใช้ปั๊บผิวดูเปล่งประกายทันทีจากอนุภาคเพชร (Diamond Sphere) และยังบำรุงผิวในระยะยาวด้วย
Dr.Lens: ใช่ครับ แนวคิดทั้งหมดก็คือ ผู้หญิงแต่งหน้าและต้องอยู่กับรองพื้นทั้งวัน คุณออกจากบ้านตอนเช้าและกลับถึงบ้านตอนเย็น ผิวของคุณก็ถูกปกคลุมด้วยรองพื้น
รองพื้นส่วนใหญ่ในปัจจุบันทำหน้าที่แค่มีเม็ดสี (Pigment) เพื่อปกปิดรอยสิวและให้สีผิวที่สวยงามเท่านั้น แต่ผมต้องการสร้างสิ่งที่เหมือนกับการใช้เซรั่มบำรุงผิวตลอดทั้งวัน เพราะคุณใช้รองพื้นตลอดทั้งวันเช่นกัน
สำหรับผมแล้ว รองพื้นตัวนี้คือ เซรั่มที่มีการเติมเม็ดสีเข้าไป ดังนั้น เม็ดสีจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ แนวคิดนี้จึงแตกต่างออกไปเล็กน้อย
มันเบลนด์ง่ายมากครับ จุดสำคัญคือ ผมไม่ชอบรองพื้นที่ทำให้ผิวหน้าเป็นคราบหนา และไม่ชอบรองพื้นที่ทาแล้วทำให้ผิวหายใจไม่ออก
ผมอยากให้ผิวของคุณหายใจได้แม้จะแต่งหน้าอยู่ มันต้องระบายอากาศได้ และนั่นคือสิ่งที่มันเป็น และอย่างที่คุณเห็น มันดูเป็นธรรมชาติมากจนเหมือนคุณไม่ได้แต่งหน้าเลย
มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้วยนะ
Dr.Lens: ใช่ครับ คนที่แต่งหน้า ชอบเมคอัพ มักจะชอบเรื่องกลิ่น ดังนั้นเราจึงใส่น้ำหอมเข้าไป น้ำหอมไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่เราใส่เข้าไปเพราะเราเชื่อว่าคนชอบคุณสมบัติทางประสาทสัมผัสควบคู่กับการแต่งแต้มสีสัน
รองพื้น Youth Glo ของเราสูตรนี้มีส่วนผสมมากมาย ตั้งแต่กรดไฮยาลูโรนิกไปจนถึงแร่ธาตุ โพรไบโอติก และยังมีส่วนผสมอย่าง Japanese Evergreen ซึ่งทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูและเพิ่มพลังงานให้กับผิว
ดังนั้นทั้งหมดนี้คือการทำให้ผิวของคุณดูสดใส มีชีวิตชีวาและเปล่งประกาย มันไม่ได้ทำหน้าที่ต่อต้านริ้วรอยแบบเข้มข้น(เหมือนสกินแคร์) แต่เน้นที่งานผิว Healthy Glow ทำให้ผิวของคุณมีสุขภาพดีและสดชื่น
คุณหมอมีมุมมองอย่างไรกับน้ำหอมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เพราะผู้บริโภคบางกลุ่มก็มีความกังวลว่าอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
Dr. Lens: น้ำหอมเป็นปัญหาใหญ่ครับ เพราะน้ำหอมมีสารก่อภูมิแพ้ และสารก่อภูมิแพ้เป็นสาเหตุหลักของการแพ้ที่มาในสกินแคร์ คือคุณไม่จำเป็นต้องมีมันเพื่อให้สูตรนั้นดี
แต่ถ้าผมให้คุณลองใช้สูตรที่เหมือนกัน 2 สูตร สูตรหนึ่งมีน้ำหอมและอีกสูตรไม่มี คุณอาจจะพูดว่า “โอ้พระเจ้า กลิ่นมันดีมาก” คุณจะอยากใช้มันด้วยความเต็มใจมากขึ้นเพราะคุณชอบกลิ่น บางคนไม่ชอบกลิ่น และบางคนก็พูดว่า “โอ้พระเจ้า ฉันไม่ชอบกลิ่นนี้ มันแรงเกินไปสำหรับผิวฉัน” และอื่นๆ
ดังนั้นแนวคิดของผมคือ คุณไม่จำเป็นต้องทำผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เพราะคุณไม่จำเป็นต้องมีน้ำหอมในสกินแคร์ อย่างไรก็ตาม มันถูกใส่เข้าไปเพื่อคุณสมบัติทางประสาทสัมผัส เพราะคนจำนวนมากต้องการมัน ที่เราใส่มันลงไปในรองพื้นเพราะนั่นคือคำขอจากลูกค้า แต่ในส่วนของสกินแคร์ของเราทั้งหมดนั้น ไม่มีน้ำหอมเลย ปราศจากน้ำหอม 100% ครับ
เรียกว่าคุณหมอคอยฟังฟีดแบ็กจากลูกค้าด้วยจริงๆ เห็นคุณสมบัติทั้งหมดแล้วอยากรู้เลยว่าอะไรคือสิ่งที่ท้าทายที่สุดต่อการคิดค้นรองพื้นสูตรนี้
Dr.Lens: มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะรวมส่วนผสมมากมายในสูตรเดียวแล้วยังต้องใส่เม็ดสีเข้าไปด้วย นั่นคือความท้าทาย เพราะโดยพื้นฐานแล้วคุณกำลังเพิ่มเม็ดสีลงในสกินแคร์ และบางครั้งด้วยส่วนผสมออกฤทธิ์มากมายที่เราใช้ มันอาจจะทำให้แยกชั้นกัน ดังนั้นมันเป็นกระบวนการที่ยาวนานจนกว่าผมจะเจอสูตรที่ลงตัว และให้ประสิทธิภาพตามที่ต้องการ
ใช้เวลาคิดสูตรนานแค่ไหน
Dr. Lens: ผมคิดว่าประมาณ 2-3 ปี เพราะคุณต้องการให้มันมีผลลัพธ์ที่สวยงามและมีความเปล่งประกาย มันเป็นกระบวนการของการทดลองและการลองผิดลองถูก และการจัดการกับส่วนผสมในแง่มุมต่างๆ
แต่คิดว่าคุ้มค่านะ คุณหมอมีเคล็ดลับอะไรในการใช้รองพื้นที่อยากแชร์ไหม
Dr. Lens: จริงๆ มันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ง่าย ให้การปกปิดแบบบางเบาถึงปานกลาง และสามารถเพิ่มระดับการปกปิดได้ บางคนชอบลุคแบบฉ่ำวาว ว่าแต่คุณรู้ไหมว่าเรามีผลิตภัณฑ์ชื่อ Z-22 มันเป็นออยล์สำหรับผิวหน้า ความพิเศษคือคุณสามารถหยดผลิตภัณฑ์นั้นสองสามหยดลงในรองพื้น ผสมมัน แล้วมันจะให้ลุคที่ฉ่ำวาวมาก ดูโกลวและเงางาม
เห็นว่าทาง skinlab พาร์ตเนอร์คู่ใจของคุณหมอเองก็เผยเคล็ดลับในการใช้ด้วยเหมือนกัน คือใช้ร่วมกับ Microbiota P3 Balancing Mist คือแค่ฉีดทับรองพื้นเลยเหรอ
Dr. Lens: ใช่ครับ
แล้วมันจะช่วยให้ติดทนนานขึ้นหรือเปล่า
Dr.Lens: ไม่ครับ บางคนเชื่อว่ามันเป็นสเปรย์เซ็ตเมคอัพ แต่จริงๆ แล้วมันช่วยส่งเสริมไมโครไบโอต้า (Microbiota) เพื่อรักษาสมดุลของไมโครไบโอต้าตามธรรมชาติบนผิวตลอดเวลา ทำให้ผิวแข็งแรงพร้อมเผชิญกับมลภาวะในอากาศ และป้องกันผดได้ด้วยครับ
อีกผลิตภัณฑ์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ZELENS PHA+ Resurfacing Facial Pads จำได้ว่าทางแบรนด์เคยออกผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาแล้ว สูตรนี้แตกต่างจากสูตรเดิมอย่างไร
Dr.Lens: ใช่ครับมันเป็นสูตรใหม่ มันเป็นการผสมผสานของกรดธรรมชาติทั้งหมดเข้าด้วยกัน คือ PHAs ร่วมกับ AHAs, BHAs และเอนไซม์ ผมต้องการให้มันให้ผลัดเซลล์ผิวที่แรงขึ้น แต่ก็ยังคงความเป็นสูตรที่อ่อนโยนมาก
อย่างที่คุณเห็น มันไม่มีน้ำหอม และความพิเศษของมันคือ เมื่อคุณใช้กรด บ่อยครั้งผิวจะรู้สึกแห้ง เพราะกรดดึงความชุ่มชื้นไป แต่ตัวนี้ไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะผมใส่ส่วนผสมหนึ่งชื่อ Nal-esters ที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้มาก
คุณจะเห็นความแตกต่างบนผิวของผม (คุณหมอนำ Pad มาเช็ดบนหลังมือหนึ่งข้าง)
มันดูชุ่มชื้นขึ้นและเนียนขึ้นเลยนะ
Dr.Lens: ใช่ครับ ผิวมันดูเนียนนุ่มขึ้นชัดเจนมาก
ใช้ได้ทุกวันเลยไหม
Dr.Lens: ใช้ได้ทุกวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนครับ มันไม่เพียงแค่ผลัดเซลล์ผิว แต่มันยังช่วยกระชับ และทำให้อิ่มฟู
ดีเลย เพราะคนส่วนใหญ่พอได้ยินคำว่า ‘กรด’ อาจจะรู้สึกกลัว
Dr. Lens: ใช่ พวกเขากลัว แต่ผมไม่ได้ใช้กรดไกลโคลิก ปัญหาหลักของกรดคือกรดไกลโคลิก ซึ่งเป็นกรดที่มีประสิทธิภาพมากแต่ก็ค่อนข้างแรง และสามารถก่อการระคายเคือง ทำให้ผิวไวต่อแสงมาก
แล้วตัว Pad สูตรนี้มีทั้ง 3 กรดเลย คุณหมอมีเทคนิคอย่างไรที่ทำให้มันอ่อนโยนต่อผิว
Dr. Lens: ความพิเศษของสูตรเราคือ เรารักษาค่า pH ในแพดให้อยู่ในระดับของสกินแคร์ปกติครับ ถ้าคุณรักษาให้อยู่สูงกว่า 3.7 ก็ปลอดภัยแล้ว ถ้าคุณทำให้มันเป็นกรดมากเกินไปจะเป็นปัญหา มันไม่จำเป็นต้องเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่รุนแรง ถ้าเราพัฒนาสูตรได้ดี มันสามารถมีส่วนผสมที่ครบถ้วนแต่อ่อนโยนได้ในเวลาเดียวกัน
พูดถึงการผลัดเซลล์ผิวแล้วเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่ทำ คุณหมอมองว่ามันเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากไหม
Dr. Lens: ผมคิดว่าสำคัญครับ เพราะถ้าคุณต้องการซ่อมแซมเกราะป้องกันผิว แต่มันมีเซลล์ผิวที่ตายแล้ว คุณก็ต้องกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วเหล่านั้นออกเพื่อให้เซลล์ใหม่สามารถผลัดเปลี่ยนได้อย่างปกติ
อธิบายแบบง่ายๆ นะครับ ลองนึกภาพว่าคุณมีสวนสวยๆ แล้วมันมีใบไม้ร่วงลงมาเต็มสวนตลอดเวลา คุณจะทำอย่างไร คุณก็ต้องกวาดใบไม้ที่ร่วงแล้วออกไปครับ
เช่นเดียวกัน คุณจำเป็นต้องผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้ผิวที่เหลือได้หายใจ และเพื่อให้ผิวใหม่ที่สุขภาพดีได้เผยตัวออกมา
เห็นภาพชัดเจน มาถึงเคล็ดลับในการใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้กันบ้าง
Dr. Lens: จริงๆ ไม่มีครับ คุณสามารถใช้มันได้วันละหนึ่งหรือสองครั้ง คุณสามารถปล่อยทิ้งไว้หรือจะล้างออกก็ได้ และมันควรจะเป็นขั้นตอนแรกที่คุณทำหลังจากการทำความสะอาดผิว
สถานการณ์ไหนที่คุณหมอแนะนำให้ล้างออก
Dr. Lens: ถ้ารู้สึกว่าแพ้ง่าย หรือรู้สึกยิบๆ ใน 2-3 ครั้งแรกที่ใช้ แต่ปกติแล้วจะไม่ค่อยเกิดครับ
พูดถึงทิศทางของ ZELENS ในอนาคต อะไรคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่คุณหมอตั้งตารอคอย
Dr. Lens: ผมกำลังอยู่ในกระบวนการที่จะปรับปรุงสูตรทุกสูตรเลย ผมชอบแนวคิดของการอัปเดตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือความสวยงามของแบรนด์ของผม
แนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อจัดการกับปัญหาที่แตกต่างกัน สำหรับรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นคือความงามของการเล่นกับส่วนผสม
การรวบรวมส่วนผสมจากส่วนต่างๆ ของโลก ผสมเข้าด้วยกันและดูว่ามันเป็นอย่างไร มันสนุกครับ ถ้าคุณทำมัน คุณไม่เพียงต้องมีความรู้และรู้วิธีเท่านั้น คุณต้องมีแพสชันด้วย เพราะมันเป็นงานที่มีไดนามิกสูง
เห็นถึงแพสชันที่ล้นออกมาจากแววตาของคุณหมอเลย ในฐานะผู้ที่อยู่ในวงการนี้มานานและเห็นปัญหาผิวมาทุกรูปแบบ อะไรคือคำแนะนำเพื่อการมีสุขภาพผิวที่ดีที่สุดที่คุณหมออยากจะฝากแก่ผู้อ่านชาว LIFE
Dr. Lens: สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ผมแนะนำอย่างยิ่งว่าคุณต้องทำความสะอาดผิวอย่างเหมาะสมและผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน เพราะคุณต้องเผชิญกับแสงแดด ดังนั้นอะไรที่รุนแรงจะไม่ดี นั่นคือเหตุผลที่ผมเชื่อว่า PHA+ Resurfacing Facial Pads นั้นเหมาะมาก โดยเฉพาะผิวคนไทยที่ต้องเจอแสงแดดและปัจจัยในเมือง และผิวก็มีแนวโน้มที่จะมันมากขึ้น การผสมผสานระหว่างการทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะสมนั้นเป็นสิ่งจำเป็น
หลังจากนั้น ก็คือการป้องกันด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ถ้าคุณต้องเลือกผลิตภัณฑ์เพียงตัวเดียว คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะมลภาวะในเมืองที่นี่สามารถเห็นและตรวจจับได้ชัดเจน และในทางกลับกัน มันก็สำคัญต่อเรื่องแสงแดดด้วย เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระมีความสำคัญในการต่อสู้กับรังสียูวี และแน่นอนว่าต้องมี SPF อย่าลืมทา SPF เมื่อออกไปข้างนอก
หลังจากที่เราได้คุยกันเรื่องความเครียดในเมืองแล้ว ขอถามอีกสักข้อ คุณหมอคิดว่าสกินแคร์สามารถช่วยฟื้นฟูผิวในวันที่นอนน้อยได้ไหม
Dr. Lens: ใช่ครับ มันทำได้ ผมเชื่อว่าสกินแคร์ที่ดี มีส่วนผสมของ Melatonin ที่ทำงานกับนาฬิกาชีวภาพในเซลล์ผิวสามารถช่วยให้ผิวของคุณฟื้นฟูได้ในชั่วข้ามคืน แม้ว่าคุณจะนอนหลับไม่ดีก็ตาม ผมเชื่อแบบนั้น
Website: https://skinlabthailand.com/
ข้อมูลผลิตภัณฑ์:
- https://skinlabthailand.com/products/zelens-youth-glow-foundation-cloud
- https://skinlabthailand.com/collections/zelens/products/pha-resurfacing-facial-pad
Facebook: https://www.facebook.com/skinlabthailand.official
Instagram: https://www.instagram.com/skinlabthailand/
ภาพ: skinlab